นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุหว่ามก๋อที่ทำให้เกิดอุทกภัยใน 24 จังหวัด 70 อำเภอ 206 ตำบล 950 หมู่บ้าน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทุกจังหวัด พร้อมประสานจังหวัดที่ประสบภัย จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ สำรวจ และจัดทำบัญชีความเสียหายของพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 27 – 30 กันยายน 2558 ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสาน 14 จังหวัด แยกเป็น ภาคกลาง 4 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ประกอบด้วย ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ชลบุรี ตราด ระยอง และจันทบุรี ภาคใต้ 3 จังหวัดประกอบด้วย ระนอง พังงา และภูเก็ต รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ลาดเชิงเขาที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน พื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย โดยประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ พร้อมตรวจสอบท่อและทางระบายน้ำในเขตเมืองมิให้มีสิ่งของหรือวัสดุอุดตัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ รวมถึงตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ น้ำตก ชายฝั่งทะเล หากอยู่ในสภาพไม่ปลอดภัยให้พิจารณาแก้ไขและสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวชั่วคราว กรณีสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th