นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ธอส.ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 จึงได้มอบนโยบายให้ฝ่ายบริหารทราบถึงสิ่งสำคัญที่ธนาคารต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ ประกอบด้วย 4 เรื่องสำคัญคือ 1.การขับเคลื่อน "มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง" ภายใต้กรอบวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลที่เริ่มเปิดรับยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 และในปัจจุบันยังคงมีประชาชนให้ความสนใจติดต่อเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าหากมียอดอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการดังกล่าวใกล้ถึงกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาทแล้ว คณะกรรมการธนาคารพร้อมประชุมในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มวงเงินของมาตรการอีก 10,000 ล้านบาทได้ทันที 2. โครงการบ้านประชารัฐ โดยการให้ ธอส. เข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคหะแห่งชาติและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม 3.สนับสนุนการพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (E-Payment) ซึ่งถือเป็นนโยบายของกระทรวงการคลัง ที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนชำระเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งบัตรเดบิตการ์ด เครดิตการ์ด โดยปัจจุบัน ธอส. อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการจัดทำบัตรเดบิต รวมถึงบัตรเครดิต ซึ่งอาจดำเนินการได้ผ่านการร่วมกับสถาบันการเงินแห่งอื่น และ 4.โครงการให้ความรู้กับประชาชนที่ต้องการมีบ้าน โดยการส่งเจ้าหน้าที่ของ ธอส. ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยและการออมไปเปิดคลินิกให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้ทราบถึงวิธีที่จะทำให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น และโครงการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ด้านที่อยู่อาศัยของธนาคารอีกด้วย
"ปัจจุบัน ธอส. ถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความแข็งแกร่งมาก เห็นได้จากตัวเลขผลการดำเนินงานล่าสุดของธนาคาร ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2558 ธนาคารยังคงรักษาความสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ทำได้ทั้งสิ้น 119,078 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของเป้าหมายในปีนี้ซึ่งกำหนดไว้ที่ 149,800 ล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 840,507 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 15.46% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และจากความแข็งแกร่งเหล่านี้ จึงเชื่อว่า ธอส. มีความพร้อมสูงในการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมปิดช่องว่างของกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ได้อย่างแน่นอน"นายสุรชัยกล่าว
ขณะที่นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการจัดทำ "มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง" ว่าล่าสุด ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2558 มีจำนวนผู้แสดงความประสงค์ยื่นคำขอกู้เป็นจำนวนเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นลูกค้าที่ยื่นเอกสารครบถ้วนและเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารแล้วเป็นวงเงินกู้ถึง 9,971 ล้านบาท 6,741 ราย ได้รับการอนุมัติเงินกู้แล้ว 5,270 ล้านบาท 3,654 ราย และคาดว่าธนาคารจะสามารถอนุมัติเงินกู้ถึง 10,000 ล้านบาทตามกรอบวงเงินของโครงการระยะแรกได้ภายในกลางเดือนธันวาคม 2558
"หากธนาคารอนุมัติวงเงินกู้ครบกรอบวงวงเงิน 10,000 ล้านบาทแล้ว แต่ ธอส.ยังคงเปิดรับคำขอกู้ตามโครงการดังกล่าวได้ต่อไป และพร้อมเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาขยายกรอบวงเงินของมาตรการเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาททันที เนื่องจากยังมีผู้ประสงค์ยื่นคำขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะภายหลังจาก ครม. ได้มีมติให้ ธอส. จัดทำมาตรการสินเชื่อดังกล่าว พร้อมกับการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนอง รวมถึงมาตรการทางภาษี ได้ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เกิดความคึกคัก บรรดาผู้ประกอบการต่างจัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายมากมาย ซึ่งล้วนทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่มีวินัยการเงินดีต่างได้รับประโยชน์ เพราะสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลได้อีกด้วย"นางไลวรรณกล่าว
นางไลวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า ธอส. ยังเตรียมร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ(เครดิตบูโร) จัดงาน "ธอส. มหกรรมที่อยู่อาศัย-สินเชื่อเพื่อประชาชน" ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสงขลา จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึง "มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง" ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถเลือกที่อยู่อาศัยที่ถูกใจ พร้อมติดต่อขอรับคำปรึกษาหรือยื่นคำขอกู้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่เชี่ยวชาญของธนาคารภายในงานได้ทันที โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ของการจัดงานในเร็วๆ นี้ สอบถามเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit