วันนี้ (๒๖ มิ.ย.๕๘) เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวิเชียร ชวลิต
ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติ
การกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๑๘๖/๕๗-๕๘ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุมว่า จากกรณี ชายชรา อายุ ๘๒ ปีและหญิงชรา อายุ ๗๓ ปี สองสามีภรรยาอาศัยในกระท่อมติดดิน ที่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัด
พะเยา ครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีรายได้ประจำ นอกจากเบี้ยผู้สูงอายุ รวมกันเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท ก่อนหน้านี้มีรายได้จากการปั้นกระสุนดินและทำหนังสติ๊กขาย แต่หยุดไปนานกว่า ๑ ปี แล้ว เนื่องจากสุขภาพไม่ดี ทำไม่ไหวนั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพะเยา (พมจ.พะเยา) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงเรื่องที่พักอาศัยให้ถูกสุขลักษณะ เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุในระยะยาวต่อไป ส่วนกรณีหญิงมีลูกที่ป่วยพร้อมกัน ๒ คน โดยคนแรกเป็น อายุ ๔ ขวบ ต้องเจาะคอ เจาะหน้าท้องซึ่งป่วยมาตั้งแต่เกิด ส่วนคนที่ ๒ อายุ ๓ ขวบ พัฒนาการช้า กะโหลกเล็ก สมองเล็ก ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ นั่ง-ยืน-เดิน-พูด ไม่ได้ ครอบครัวมีฐานะยากจน ผู้เป็นแม่ไม่ได้ทำงานเพราะต้องดูแลลูกทั้งสองคน ส่วนผู้เป็นพ่อต้องออกไปรับจ้าง ที่จังหวัด
สมุทรสาครนั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร (พมจ.สมุทรสาคร) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
"ทั้งนี้ กรณีที่สหรัฐอเมริกาจะประกาศผลการประเมินระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์เร็วๆนี้นั้น ไม่ว่าผลการประเมินจะเป็นอย่างไร กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตนได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่เกี่ยวข้องยังคงขับเคลื่อนงานทั้งด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ตามมาตรฐานสากล ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ด้วยความมุ่งมั่น โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายวิเชียร กล่าวท้าย