ทิสโก้ส่งกอง “ไชน่า ทริกเกอร์” กอง 22 ลุยหุ้นจีน ชี้วิกฤตกรีซเป็นโอกาสลงทุน หวังปิดกองทุนภายใน 8 เดือนตามเป้า 8%

07 Jul 2015
ทิสโก้สบจังหวะหุ้นโลกดิ่งจากข่าวกรีซ เป็นโอกาสลงทุนในหุ้นH-Shares ของจีน จัด "ไชน่า ทริกเกอร์" กองที่ 22 มองจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง พร้อมออกมาตรการประคองหุ้นเต็มพิกัดหลังปรับฐานกว่า 12% ในหนึ่งเดือน มั่นใจหากนักลงทุนคลายกังวลหุ้นจีนพร้อมกลับมาผงาดอีกครั้ง เป้าหมายเลิกโครงการ 8% เสนอขายครั้งแรก 8-10 ก.ค. นี้

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรงจากประเด็นกรีซ ล่าสุดเพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม บลจ. ทิสโก้ จึงเปิดเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #22" ซึ่งเป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ซีรีย์หุ้นจีนกองที่ 22 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้านักลงทุนที่ยังคงให้ความสนใจในตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง

"เรามองว่าการลงประชามติของกรีซที่คัดค้านการรับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดจากเจ้าหนี้ ทำให้การเจรจาเรื่องหนี้สินของกรีซกับเจ้าหนี้ในยุโรปอาจต้องเริ่มต้นกันใหม่ ซึ่งการที่มติออกมาเช่นนั้นทำให้ผิดความคาดหมายของนักลงทุน เราจึงได้เห็นแรงขายหุ้นออกมาทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นในหลายประเทศปรับฐานแรง ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งโดยแท้จริงแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้กระทบโดยตรงกับการเติบโตของจีนแต่อย่างใด เราจึงมองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นจีนในรอบนี้เป็นโอกาสดีในการเข้าไปซื้อสะสม

โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างชัดเจนว่าเมื่อเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวจากมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ทางธนาคารชาติของจีนและรัฐบาลจีนเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่มาเป็นการกระตุ้นด้วยนโยบายการเงินที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝาก การลดการตั้งสำรองเงินฝากในสถาบันการเงิน ซึ่งทางธนาคารดอยซ์แบงก์คาดว่ารัฐบาลจีนอาจจะมีการปรับลดการตั้งสำรองเงินฝากอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในช่วงไตรมาส 3 นี้ ซึ่งเมื่อตลาดเริ่มชินชากับข่าวกรีซและเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เราเชื่อว่าหุ้นจีนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างดีอีกครั้งหนึ่ง จึงเสนอขายกองไชน่าทริกเกอร์กองที่ 22 ซึ่งเป็นกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนในหุ้นจีน H-Shares ในฮ่องกง ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น A-Shares ในตลาดเซี่ยงไฮ้"

โดย "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #22" จะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีนผ่านกองทุน Hang Seng H-Share Index ETF เพื่อสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี HSCEI หรือ H-Shares โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ โดยการกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเมื่อเลิกกองทุน

"นอกจากมาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลายแล้ว ในช่วงนี้ที่หุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จึงได้ออกมาตรการเพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุน โดยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึง 4 มาตรการ คือ 1) ระงับการออกหุ้น IPO 2) บลจ.ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลเริ่มซื้อกองทุน ETF หุ้นจีนเพิ่มขึ้น 3) บล.จีน 21 แห่งจัดตั้งกองทุนมูลค่า 1.2 แสนล้านหยวน เพื่อซื้อกองทุน ETF หุ้นจีนพื้นฐานดี และ 4) เพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ที่ปล่อย margin ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะทำให้ตลาดหุ้นจีนมีเสถียรภาพมากขึ้นและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน" นายสาห์รัช กล่าว

ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 22 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท เสนอขายครั้งแรก 8-10 ก.ค. 58 นี้ ผู้สนใจสามาถติดต่อ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000กด 4คำเตือน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ตัวเลข 8% เป็นเพียงการกำหนดเป้าหมายที่เป็นเหตุให้มีการเลิกกองทุนหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเท่านั้น การกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันว่า ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามมูลค่าที่กำหนดเมื่อเลิกกองทุนหรือเมื่อมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ทั้งนี้ หากภาวะตลาดหรือภาวการณ์ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากคาดการณ์ กองทุนรวมอาจไม่ดำเนินการเลิกกองทุนหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก็ได้ หรือหากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ โดยที่เป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)