แน๊ก เล่าว่า กติกาในการแข่งขัน คือการสร้างสรรค์ประดิษฐ์ภาพติดฝาผนัง ด้วยเวลา 6 ชั่วโมง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันต้องประดิษฐ์ภาพติดฝาผนังจากวัสดุเหลือใช้ลงในกรอบรูปขนาด กว้าง 60 ซม. ยาว 90 ซม. ลึก 12 ซม. ชิ้นงานสามารถใช้งานได้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบชิ้นงาน สามารถเตรียมหุ่นโครง และตัดเตรียมวัสดุที่จะใช้ประดิษฐ์มาได้ วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ที่ส่วนกลางจัดเตรียมไว้ให้ ได้แก่ โต๊ะทำงานขนาด 0.65 X 0.80 เมตร เก้าอี้ ขนาดปกติทั่วไป คัตเตอร์ ปืนกาว กรรไกร กาวติดกระจก กาวอเนกประสงค์ กาวสำหรับติดกระดาษ และวัสดุเหลือใช้สำหรับการตกแต่ง และผู้เข้าร่วมการแข่งขันยังสามารถเตรียมวัสดุเหลือใช้มาเอง โดยต้องใช้ไม่น้อยกว่า 8 ชนิด วัสดุที่เตรียมไปได้แก่ แก้วพลาสติก ช้อนพลาสติก ช้อนกาแฟพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม ไม้เสียบลูกชิ้น ขอนไม้ ดอกไม้พลาสติกที่เหลือใช้ และกระดาษสา
“ใต้ท้องน้ำ” ภาพติดฝาผนังจากเศษวัสดุเหลือใช้ สร้างสรรค์ด้วยเทคนิค การตัด การติด ตัวปลาจากขวดพลาสติก และกระป๋องน้ำอัดลม ดอกบัว จากช้อนและช้อนกาแฟพลาสติก ก้านบัวด้วยไม้เสียบลูกชิ้น ประดับตกแต่งด้วยขอนไม้ เศษดอกไม้พลาสติกที่เหลือใช้ ความพริ้วไหวของน้ำใต้ท้องน้ำด้วยกระดาษสา ลักษณะเป็นภาพ มองดูแล้วมีมิติ
ภูมิใจที่ได้รับรางวัลและดีใจที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน มีเวทีให้ตนเองได้แสดงความสามารถ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันมีแต่คนเก่งๆ เป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ และได้นำวิชาความรู้ที่เรียนไปใช้ในการแข่งขันด้วย ชอบเรียนงานทางด้านคหกรรมศาสตร์ หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนเขตการทางสงเคราะห์ 5 (ไตรคามสิทธิศิลป์) เข้าเรียนที่วิทยาลัยสารพัดช่างบุรีรัมย์ จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพด้วยเกรดเฉลี่ย 3.64 จึงตัดสินใจที่จะเรียนต่อ อยากทำงานเปิดร้านดอกไม้ เป็นธุรกิจของบ้าน นำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หาเงินเลี้ยงพ่อแม่ จึงเลือกเรียน สาขาวิชาเทคโนโลยีและงานประดิษฐ์สร้างสรรค์
เมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยฯ ชีวิตในการเรียนไม่เหมือนกับเรียนที่วิทยาลัยสารพัดช่าง เพราะว่า ที่วิทยาลัยจะเน้นในเรื่องการปฏิบัติมากกว่าเรียน แต่ตอนที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ต้องไปนั่งเรียนรวมกับเพื่อนสาขาวิชาอื่น เช่น วิชาภาษาอังกฤษ ที่ต้องออกเสียง โชคดีที่อาจารย์ให้โอกาส และมีเพื่อนๆ ช่วย ทำให้ผ่านมาได้ อาจารย์และเพื่อนๆ เป็นกันเองมาก โดยคอยให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมแนะนำกระตุ้นให้พัฒนาตนเอง ในเรื่องของความเป็นตัวตนเองออกมา ตนเองจะทำอะไรช้า เพราะว่าได้ยินเสียงเบากว่าคนอื่น ต้องอ่านปาก “มีบ้างที่เพื่อนแกล้ง ” แต่ไม่เคยโกรธเพื่อน เพราะว่า ถ้าไม่มีเพื่อน ตนเองคงไม่ได้มานั่งเรียนในห้องเรียนในมหาวิทยาลัยฯ รวมไปถึงครูอาจารย์ทุกท่าน เวลาที่อาจารย์ดุ เพราะว่า อาจารย์อยากให้ความรู้แก่ตนเอง และอาจารย์ไม่ได้สอนนักศึกษาเพียงคนเดียว ขอบคุณเพื่อนในห้อง ที่มีน้ำใจกับตนเอง คอยให้ความช่วยเหลือ
นายรัฐ ชมภูพาน อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีงานประดิษฐ์สร้างสรรค์ และหนึ่งในอาจารย์ผู้ดูแลฝึกสอน เล่าว่า ตัวนักศึกษาเองเป็นเด็กที่มีอาการบ่งพร่องทางการได้ยิน ซึ่งสามารถสื่อสารได้พอเข้าใจไม่เป็นอุปสรรคในการฝึกซ้อม และยังเป็นนักศึกษาที่มีความตรงต่อเวลา ซึ่งมีไหวพริบในการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญยังมีความสามารถทางด้านงานคหกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะสาขาวิชาเทคโนโลยีงานประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นอย่างดี ในช่วงที่ฝึกซ้อมมีความกระตือรือร้น และที่สำคัญยังเป็นนักศึกษาที่อารมณ์ดี “อยากให้นักศึกษาหรือวัยรุ่นสมัยนี้เอาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต”
“บ้านทำงานรับจ้างติดกระจก ครอบครัวมีลูกทั้งหมด 3 คน ซึ่งตนเองเป็นลูกคนโตของบ้าน จึงอยากจะเรียนสูงๆ นำความรู้ที่เรียนไปประกอบอาชีพ ซึ่งร้านดอกไม้เป็นความฝันของตนเองและครอบครัว ตั้งแต่ตนเองเป็นคนที่มีความบ่งพร่องทางการได้ยิน ตนเองไม่เคยน้อยใจ เรื่องโชคชะตา แต่ถ้ามีโอกาสในการรักษาหายก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่หายตนเองก็ยอมรับ ในสิ่งที่ตนเองเป็น แค่ทุกคนมีความตั้งใจและมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต” น้องแน๊กกล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit