น.พ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการ สถาบันโรคผิวหนัง เปิดเผยว่า จริงๆ แล้ว “โบท็อกซ์”เป็นชื่อทางการค้าของสารละลาย “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” ที่เรียกกันจนติดปาก แต่ถ้าทางการแพทย์แล้วจะใช้คำว่า “ท็อกซิน” ซึ่ง ท็อกซิน ที่ว่านี้เราอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าพบได้ในอาหารกระป๋องหมดอายุแล้ว ซึ่งถ้าคนกินเข้าไปในปริมาณมากก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายหยุดทำงาน และเสียชีวิตในที่สุด แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อได้นี่เอง ที่ทำให้ท็อกซินถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์เพื่อรักษาคนที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก โดยสกัดให้ท็อกซินตัวนี้มีความเข้มข้นน้อยที่สุด ประมาณ 1 ในล้านๆ ส่วน จนกลายเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ และใช้ในปริมาณที่น้อยที่สุดเพื่อความปลอดภัย และพอแพทย์นำมาใช้กับคนไข้ที่มีปัญหาตากระตุก ก็พบว่า นอกจากตาหายกระตุกแล้ว ริ้วรอยก็หายไปด้วย และนี่ก็เป็นที่มาของท็อกซินมหัศจรรย์ที่แพทย์ศัลยกรรมความงามและผิวพรรณ นำมาใช้ในการรักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ และปรับรูปหน้าให้แก่สาวๆ กันในปัจจุบัน เพราะเห็นผลรวดเร็วและชัดเจนเลยหลังฉีด
“ท็อกซิน เมื่อนำมาใช้ในการลดริ้วรอยจะออกฤทธิ์ ภายใน 3-4 วัน เพราะทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยส่วนถ้าใช้ในการปรับรูปหน้า จะเห็นผลใน 1-2 เดือน เพื่อไปมีผลให้กล้ามเนื้อมันเล็กลงอีก ข้อควรระวัง ในการใช้ท็อกซิน คนไข้ไม่ควรเคี้ยวเยอะมันเหมือนเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาโตเร็วอีก ส่วนในการใช้ท็อกซินเพื่อการรักษาด้านความงามทางการแพทย์จะใช้ในปริมาณ 100-200 ยูนิต ในการฉีดแต่ละครั้ง ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว”
น.พ.จินดา โรจนเมธินทร์ ยังได้แนะนำถึงการเลือกใช้ท็อกซินให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอีกว่า เริ่มแรกคนไข้ต้องเข้าใจก่อนว่าปัญหาของตนเองคืออะไร มีวิธีรักษากี่แบบ จะมีความจำเป็นต้องใช้ท็อกซินหรือไม่ เพราะปัญหาบางอย่างอาจแค่ทายา หรือปฏิบัติตัวให้ถูกก็น่าจะเพียงพอ และเมื่อคนไข้เลือกใช้ท็อกซินในการรักษา การปฏิบัติตัวหลังฉีดภายใน 1 ชั่วโมงแรก คนไข้ควรขยับกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้มเยอะๆ เพื่อที่ท็อกซินจะได้ดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์เร็วขึ้น จากนั้นใน 3-4 ชั่วโมงแรก ไม่ควรนอนหลับ เพราะการนอนอาจจะทำให้ท็อกซินไหลไปในจุดที่ไม่ต้องการ และที่สำคัญห้ามนวดในจุดที่ฉีดท็อกซินลงไป เพราะจะทำให้ท็อกซินไหลไปในจุดที่ไม่ต้องการเช่นกัน ส่วนหลักการง่ายๆ สำหรับผู้บริโภคในการเลือกใช้ท็อกซินว่าควรเลือกแบรนด์ใด เพราะปัจจุบันมีให้เลือกอยู่หลากหลาย หลักการง่ายๆ สำหรับผู้บริโภค ก็คือ ผลิตภัณฑ์นั้น ต้องมีการรับรองโดยองค์กรกลาง เช่น องค์กรอาหารและยา อย่างในบ้านเราตอนนี้กำลังนิยมใช้ท็อกซินที่มาจากเกาหลี เพราะมีราคาไม่แพง ซึ่งมีจัดโปรโมชั่นกันอยู่มากมาย ผู้บริโภคก็สามารถเลือกใช้ได้ โดยควรเลือกแบรนด์ที่อยู่มายาวนานเช่น 5-10 ปีขึ้นไป โดยศึกษาดูจากมาตรฐานการทำงานวิจัยของแบรนด์นั้นๆ เพราะทุกผลิตภัณฑ์กว่าจะจดทะเบียนขึ้นชื่อเป็นยาได้ จะต้องมีการศึกษางานวิจัยในระดับหนึ่ง มีประสิทธิภาพใช้ได้จริงตามที่ทดลอง มีความปลอดภัยใช้ได้จริง ซึ่งเราก็ควรจะเลือกแบบคุ้มค่าและปลอดภัย การเลือกที่จะสวยอย่างฉลาด และคุ้มค่าปลอดภัย คงเป็นคำตอบของสาวๆ ทุกคนอย่างแน่นอน...
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit