ทั้งนี้ กองทุน SCB India มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares India 50 ETFในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD)โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (NASDAQ)บริหารงานภายใต้ความดูแลของ BlackRock และมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ CNX NIFTY Indexเพื่อให้ผลการดำเนินงาน ของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ CNX NIFTY Index TR USD
“สาเหตุที่เลือกลงทุนหุ้นในดัชนี CNX NIFTY เพราะมีการกระจายตัวครอบคลุมในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 50ตัว ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง และเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากาเติบโตของกำไรดีสะท้อนสภาพและ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจอินเดียได้เป็นอย่างดี หุ้นทั้งหมดในดัชนีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ National Stock Exchange (NSE) ซึ่ง Market Capรวมของดัชนีคิดเป็น 66.85% ของหุ้นทั้งหมดในตลาด NSE “ นายสมิทธ์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่ามีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตประมาณ 5.7%- 6.5% ในช่วงปี 2558-2559 เนื่องจากภาวะการขาดดุลการ คลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มดีขึ้นขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงจากที่สูงถึงเกือบ 11% ในปี 2556ทำให้ธนาคารกลางสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ และในอีก2ปีข้างหน้าคาดว่าแนว โน้มค่าเงินUSD:INRจะทรงตัวถึงแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2557
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียได้ประกาศแผนการลงทุนและแผน การปฏิรูปเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในหลายด้าน (Fiscal Spending)ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย ทั้งการลงทุน การบริโภคและการเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบสถาบันการเงิน ภายในประเทศอีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูล
เพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit