กรมการท่องเที่ยวเร่งออกมาตรการแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ

30 Oct 2014
กรมการท่องเที่ยว จับมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อปราบปรามบริษัททัวร์ต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย และเร่งแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ
กรมการท่องเที่ยวเร่งออกมาตรการแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ

ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่าจากกรณีที่สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญนำมาซึ่งการใช้มัคคุเทศก์เถื่อน ปัญหาต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในไทยโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทน (นอมินี) ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยและผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมากนั้น ล่าสุดกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลมาตรฐานธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการของไทย ได้เดินหน้าแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนโดยร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการเฝ้าระวังและป้องกันปราบปราม

“ตอนนี้ทั้ง 3 หน่วยงาน คือ กรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในกรณีดังกล่าว โดยจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกัน มีการเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่ถูกบริษัททัวร์หลอกลวงหรือเอารัดเอาเปรียบ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนหรือป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของบุคคลต่างด้าว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลังจากที่ได้มีการลงนามใน MOU ในเดือนพฤศจิกายน 2557 นี้”

ขณะเดียวกัน กรมการท่องเที่ยวได้ประสานสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งจะมีการตรวจสอบให้ครบทั้ง 5 ขั้นตอน คือ 1. ตรวจสอบรายการท่องเที่ยวที่บริษัทนำเที่ยวโฆษณาขายในต่างประเทศ ซึ่งต้องมีราคาทัวร์ระบุอยู่ในรายการนั้น 2. ตรวจสอบสัญญาคู่ค้าที่บริษัทนำเที่ยวไทยทำกับบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งต้องระบุราคาทัวร์ที่ขาย พร้อมทั้งมีลายเซ็นและตราประทับของทั้งสองฝ่าย 3. ตรวจสอบใบสั่งงานมัคคุเทศก์ 4. ตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าทัวร์ โดยเฉพาะการรับทัวร์จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีการขายทัวร์ในลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญมากที่สุด จะต้องมีหลักฐานการโอนเงินชำระค่าทัวร์ เนื่องจากกฎหมายของประเทศจีนกำหนดไว้ว่าบริษัทนำเที่ยวจีนที่ใช้บริการนำเที่ยวในต่างประเทศจะต้องชำระค่าทัวร์โดยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคารเท่านั้น ไม่สามารถนำเงินสดมาจ่ายเมื่อเดินทางมาถึงที่หมายได้ และ 5. มีการตรวจสอบใบเคลียร์บัญชีระหว่างมัคคุเทศก์กับบริษัทนำเที่ยวด้วย

นอกจากนั้น กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับรายการทัวร์และค่าทัวร์ที่แท้จริง รวมถึงราคาที่เป็นมาตรฐานของ ‘ทัวร์รายการเสริม’ (Optional Tour) และราคาสินค้า เพื่อป้องกันการหลอกลวงโดยสร้างความแตกต่างของราคาอันจะนำไปสู่การแสวงหากำไรจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่มีการดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย เช่น มอบตราสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายรับรองให้แก่บริษัทนำเที่ยวที่มีคุณภาพด้วย

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและปัญหาการทำธุรกิจท่องเที่ยวของคนต่างด้าวที่ได้เข้ามาสร้างปัญหาในประเทศไทย จึงได้ประสานกับตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจตราและป้องกันปราบปราม โดยในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2557 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 ราย คือ นายเชี่ยว เหวินเหอ อายุ 31 ปี สัญชาติจีน กระทำความผิดฐานทำหน้าที่มัคคุเทศก์ไม่ได้รับใบอนุญาต และนางอู๋ ไห่จู อายุ 45 ปี สัญชาติจีน พร้อมด้วยของกลาง ใบสั่งงานมัคคุเทศก์ของบริษัท Hong Ta Travel และได้มอบหมายให้กองนิติการดำเนินการตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ต่อบริษัท Hong Ta Travel และจับกุมนายวรภาส ฉัตรกาญจนะ อายุ 39 ปี กระทำความผิดฐานทำหน้าที่มัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งการทำหน้าที่มัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ยังไม่รวมความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารราชการปลอมเผยแพร่ในนาม กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยบริษัท ซิลเลเบิล จำกัด ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเผยแพร่ข่าว กรุณาติดต่อ / โทร. 0 2254 6895-7 โทรสาร 0 2650 7738