นาย อานนท์ วาทะยานนท์ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากขาหุ้นปฏิรูปพลังงานทั้ง ๘ คน ได้รับอิสรภาพจากการกักขังที่ค่ายวิภาวดีรังสิต ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดสุราษฏร์ธานีพร้อมกันออกเดินถนนสายปฏิรูปพลังงานอีกครั้ง แม้แรงกดดันจากกลุ่มผลประโยชน์ด้านพลังงานทั้งน้ำมันและถ่านหินผนวกกับสถานการณ์ทางการเมืองทำให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในการจัดการพลังงานยากทวีคูณ แต่ความมุ่งมั่นของประชาชนในฐานะขาหุ้นปฏิรูปพลังงานกลับสวนทาง
“ พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งเป้าหมายสำคัญในการขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งพื้นที่บนบกกว่า ๔ล้านไร่ซึ่งครอบคลุมจังหวัดกระบี่และจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติให้สัมปทานเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพื้นที่สัมปทานในทะเลรอบเกาะสมุย พะงัน เต่าและหมู่เกาะอ่างทอง ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหารและการท่องเที่ยวคือหัวใจหลักที่รัฐต้องคำนึงถึง ทุกวันนี้คำว่า พลังงานหายาก พลังงานหมด กรอกหูประชาชนแบบล้างสมอง ทั้งที่ข้อมูลความจริงไม่เคยถึงมือประชาชนในฐานะเจ้าของทรัพยากรตัวจริง” นาย อานนท์ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าว ความชัดเจนของการเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นสุราษฎร์ธานีมาจากการต่อสู้กับระบบสัมปทานปิโตรเลียมมากว่า ๕ปีทั้งการต่อสู้ในพื้นที่และการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง เพราะการขุดเจาะปิโตรเลียมตามระบบสัมปทานแบบเดิมก่อให้เกิดความขัดแย้งและการแย่งชิงทรัพยากรจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด สิ่งที่ต้องปฏิรูปต่อจากการเปลี่ยนระบบสัมปทานแล้ว รัฐจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำการโซนนิ่งพื้นที่พลังงานกับพื้นที่อาหารและท่องเที่ยวออกจากกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งจากการจัดการพลังงานที่ขาดความเป็นธรรมและไร้ประสิทธิภาพกำลังทำให้ประชาชนและประเทศชาติสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล เพราะพื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการลงทุนทั้งด้านการส่งออกสินค้าประมง เกษตรและท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานความเป็นธรรมที่สอดคล้องกับความเป็นธรรมด้านพลังงานที่รัฐต้องทำความเข้าใจและอย่าเพิกเฉย ประสิทธิชัย หนูนวล ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้ กล่าวว่า เส้นทางการต่อสู้เพื่อปฏิรูปพลังงานจากก้าวแรกที่หาดใหญ่กำลังขยายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อวันนี้ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานทั่วประเทศเข้ามาร่วมทั้งในการเดินของแต่ละพื้นที่ การเข้าถึงและติดตามเฟสบุ๊คขาหุ้นฯกว่า 400,000 แฟนเพจตลอดเส้นทาง“การเดินเท้าต่ออย่างมั่นคงภายใต้เจตนารมณ์และเจตจำนงอันแน่วแน่ของประชาชน กำลังปลุกให้เจตจำนงของรัฐบาลต้องทบทวนการจัดการพลังงานของประเทศไทยเสียทีทั้งการสูญเสียผลประโยชน์ของชาติจากการใช้ระบบสัมปทานและการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ ประเทศจำเป็นต้องปฏิรูปพลังงานก่อนการเดินหน้าอนุมัติโครงการด้านพลังงาน ถึงเวลาที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลและความจริงให้กับประชาชนรับรู้ การปฏิรูปพลังงานจึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลยุคนี้ที่จะต้องฝ่าเผด็จการการจัดการพลังงานให้ได้ เพราะที่ผ่านมานักการเมืองและคนที่มีอำนาจล้มเหลวเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง “ นาย ประสิทธิชัย กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit