“โปรการ์ด” ผู้นำธุรกิจรักษาความปลอดภัย บุก กทม. เผยวิสัยทัศน์ก้าวสู่ปี 23 พัฒนาจุดแข็ง “บุคลากร” รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

11 Sep 2014
เผยธุรกิจ “รักษาความปลอดภัยเนื้อหอม! หน่วยงานรัฐ และบริษัทฯ เอกชนรายใหญ่ ต่างต้องการบริษัทฯ ที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์และความรับผิดชอบ ด้านมหาเศรษฐีและนักลงทุนทั้งหลายก็ให้ความสำคัญ ติดต่อจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยไปเฝ้าทรัพย์เช่นกัน มูลค่าตลาดเลยเติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้ประกอบการมีทั้งบริษัทฯ อินเตอร์ และ ลอคัล แบรนด์ เผยจุดแข็ง แข่งกันที่ มาตรฐานการบริการด้วยความซื่อสัตย์ และ “บุคลากร” ซึ่งถือเป็นของหายาก บวกกับต้องมีการจัดอบรมความรู้ ความเชี่ยวชาญ การป้องกันตัว และการป้องกันอัคคีภัยอย่างต่อเนื่อง เผยแนวโน้มต่อไปจะยิ่งจัดจ้างผ่าน บริษัทฯ รักษาความปลอดภัยสูงขึ้นและบริษัทฯ เตรียมแผนบุกตลาดกทม. ล่าสุดปิดดีลขยายเพิ่มสัญญาดูแลศูนย์การค้าใหญ่

ยุทธพงค์ ทิพย์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจของโปรการ์ด เผยว่า “แนวโน้มในการว่าจ้างบริษัทเพื่อให้บริการรักษาความปลอดภัย มีเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการใช้บริการจากบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้น สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และลดเวลาในการบริหารจัดการ และ การจัดหาบุคคลากรในระยะยาวได้ เนื่องจากพนักงานรักษาความปลอดภัยจะต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเวรยาม ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และยังจะต้องรับผิดชอบในเรื่องของสวัสดิการด้านต่างๆอีกด้วย เทียบกับในกรณีที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอง ทักษะ(Skill) ก็แตกต่างกัน ทำให้สะดวกที่จะใช้บริการจากบริษัทรักษาความปลอดภัยข้างนอก (Outsource) มากกว่าที่จะดำเนินการเอง โดยในปี 2557 คาดว่าธุรกิจในระบบรักษาความปลอดภัยมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่า 30% หรือมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 50,000 ล้านบาท/ต่อปี โปรการ์ดตั้งเป้าการเจริญเติบโต ไม่น้อยกว่า 15 % ต่อปี โดยมีมูลค่าธุรกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี ผ่านแผนบุกตลาดกทม. เต็มตัว ล่าสุดปิดดีลใหญ่ เซ็นสัญญา กับบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด เพื่อให้บริการที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลศาลายา”

“โดยลักษณะธุรกิจให้บริการรักษาความปลอดภัย หรือธุรกิจให้บริการรับจัดหาพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)นอกจากจะให้บริการรักษาความปลอดภัยสถานที่ต่างๆแล้ว ยังให้บริการรักษาความปลอดภัยด้านอื่นๆด้วย ได้ แก่ รักษาความปลอดภัยให้กับบุคคล ให้บริการรถนิรภัยสำหรับขนเงินสด และของมีค่าจัดระบบรักษาความปลอดภัยในสถานที่โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ปัจจุบันแบ่งลูกค้าเป็นสองกลุ่มหลัก คือ ลูกค้าภาครัฐ หน่วยงานทางราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงในจุดที่มี ความสำคัญ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า/รถไฟใต้ดิน เส้นทางคมนาคม สถานีรถบริการขนส่งสาธารณะต่างๆ ลูกค้าภาคเอกชน ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ โรงแรม สถานทูตต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์ หมู่บ้านจัดสรร ร้านขายทอง ร้านขายอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะมีการจ้างรปภ. และมีการติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยรวมอยู่ด้วย จากความต้องการที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นนี้เอง ทำให้ปัจจุบันในตลาดมีการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มบริษัทต่างชาติ และบริษัทคนไทย โดยอัตราบริการ อยู่ระหว่าง 18,000 – 25,000 บาทต่อคนต่อเดือน มากน้อยขึ้นอยู่กับความยากง่ายและจำนวนทรัพย์สินด้วย”

ด้านจุดแข็งของโปรการ์ด ผู้บริหารเผยว่าอยู่ที่พนักงาน “เชื่อว่าบุคลากรคือเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด แน่นอนว่าเราตั้งใจให้บริการลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่จะตอบสนองความพึงพอใจให้ลูกค้ามากที่สุด และถึงแม้เราจะมีระบบการบริหารจัดการที่ดีเพียงใด มีระบบเทคโนโลยีทันสมัยมากเท่าไร ก็ไม่อาจละเลย

ความสำคัญในเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ไปได้ ที่ผ่านมาโปรการ์ดให้ความสำคัญกับการฝึกอบรม การฝึกคนให้มีจิตอาสาและให้บริการด้วย Service mind สามารถปฏิบัติงานได้มากกว่าที่ผู้ว่าจ้างคาดหวัง และพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำการศึกษาวิธีการปฏิบัติงานของผู้ว่าจ้าง เพื่อนำไปสู่ Partial of Dual Success อย่างแท้จริง”

กลุ่มธุรกิจของโปรการ์ด เริ่มต้นจากบริษัท ชัยภูมิ โปรการ์ด จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2535 โดย จ่าสิบเอกคำดาว ทิพย์วงศ์ ซึ่งมีประสบการณ์ด้านงานรักษาความปลอดภัยในระหว่างปฏิบัติราชการมาอย่างมากมาย ทั้งได้เคยผ่านหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการรักษาความปลอดภัยและบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง โดยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัย และการให้บริการที่เกี่ยวข้องว่าจะเป็นกำลังสนับสนุนที่ดีแก่ผู้ประกอบธุรกิจ จากนั้นจึงได้จัดอบรมพนักงานในโปรแกรมต่างๆในหน่วยงานเพื่อให้ความรู้และเกิดทักษะเป็นอย่างดี เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ได้ให้บริการมากที่สุดโดยเบื้องต้นเพื่อดำเนินการบริการที่มีประสิทธิภาพ คณะผู้ก่อตั้งบริษัทฯ จึงเริ่มให้บริการที่จังหวัดชัยภูมิเป็นจังหวัดแรก จนถึงปัจจุบันได้ขยายงานไปทั่วประเทศ รวมถึงที่กรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 เป็นต้นมา และกำลังขยายไปสู่กลุ่มประเทศ AEC

คีย์ซัคเซส ที่ทำให้บริษัทฯ รักษาความปลอดภัยสัญชาติไทยยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ และลูกค้าทวีขึ้นต่อเนื่องแบ่งเป็น 1 การบริหารองค์กรอย่างเป็นระบบ มีทั้ง ฝ่ายวิชาการและวางแผน, ฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม , ฝ่ายปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย, ฝ่ายการตลาด ทำงานประสานเป็นระบบ 2. บุคลากรที่ได้ประสิทธิภาพ โดยพนักงานทุกนายจะได้รับการฝึกโดยผู้ทรงคุณวุฒิ คณะวิทยากร และครูฝึกซึ่งมีประสบการณ์ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐในหลักสูตรต่างๆ ทั้งการรักษาความปลอดภัยของสถานที่ บุคคล และทรัพย์สิน, การต่อต้านอัคคีภัย และการบรรเทาสาธรณภัย, การจัดการจราจร และการให้สัญญาณจราจร, การต่อสู้ป้องกันตัว และการใช้อาวุธ เช่น มีด กระบอง ฯลฯ, ความรู้เกี่ยวกับระเบียบวินัย และข้อบังคับต่างๆ, ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย, การฝึกภาคสนาม ระเบียบแถว การทำความเคารพท่าบุคคลมือเปล่า, การปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การอบรมมารยาทในการสนทนา มารยาททางสังคม และมนุษย์สัมพันธ์ โดยโปรการ์ดได้สร้างศูนย์ฝึก “โปรการ์ด เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” ที่สามารถรองรับผู้เข้าฝึกได้ 250 คนขึ้นไปในแต่ละรุ่น

ปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน อาทิ ทั้ง การไฟฟ้า, ศาลากลาง, โรงพยาบาล, บ.เสริมสุข, คลังสินค้า ปูนซิเมนต์ไทย, เซ็นทรัลพัฒนา, เซ็นทรัล ศาลายา ฯลฯ และในโอกาสครบรอบปีที่ 22 ก้าวสู่ปีที่ 23 โปรการ์ด เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในตลาดกรุงเทพฯ และตลาด AEC ซึ่งต้องการบุคลากรที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญในวิชาชีพ ด้วยวิศัยทัศน์ Passion to be “World class commercial and services management” และด้วยปณิธานการทำธุรกิจ “ความเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จร่วมกับลูกค้า ” Being “Partial of Dual Success”

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit