TPS คาดตลาดเคลือบแก้ว Car Detailing ขยายตัวต่อเนื่อง มูลค่าตลาดรวมทะลุ 10,000 ล้านบาทประกาศรักษาความเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ออกผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วมาตรฐาน World class แบรนด์ TPS

25 Dec 2014
นายชัยชาญ อุปพันธ์ กรรมการบริหาร The Perfect Shine หรือ TPS ผู้นำในธุรกิจ Car Detailingและเคลือบแก้วรถยนต์ของไทย เปิดเผยว่า ในปี 2557 ธุรกิจบริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 30% มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่ารวมของธุรกิจ Car Detailing อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท มูลค่ารวมธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ อุปกรณ์ และบริการอื่นๆอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้คาดว่าในปี 2558 ธุรกิจ Car Detailing และเคลือบแก้วรถยนต์ จะยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 30% แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศโดยรวมอาจไม่คึกคักมากนัก แต่ธุรกิจยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากพฤติกรรมของผู้ใช้รถระดับกลางขึ้นไป ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษารถยนต์โดยมองความคุ้มค่าในระยะยาว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งบริการที่มีมาตรฐานสูงขึ้น

“ธุรกิจ Car Detailing เคลือบแก้วรถยนต์ มีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันรุนแรงทั้งราคาและบริการ ทำให้ TPS มีการพัฒนาบริการผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้สำหรับการดูแลรักษารถยนต์ให้มีมาตรฐานสูงขึ้นแตกต่างจากรายอื่นๆในตลาด ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ TPSซึ่งผลิตขึ้นด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกสำหรับให้บริการกับลูกค้าและนำผลิตภัณฑ์ใหม่ BRILA และ ULGO จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมเพื่อสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ขณะที่งานบริการบริษัทได้มีการเทรนนิ่งพนักงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยกระดับงานบริการให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับสากล” นายชัยชาญ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดผลิตภัณฑ์เคลือบแก้ว TPS ออกไปอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดทั้งในด้านของคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งบริษัทจะเน้นรูปแบบการร่วมมือกับพันธมิตรหรือตัวแทนจำหน่ายที่ดำเนินธุรกิจ Car Detailing,ผู้ผลิต, ผู้จำหน่ายรถยนต์, Big Bike ฯลฯ รวมทั้งจะมีการขยายสาขาทั้งใน และต่างประเทศ เบื้องต้นในปี 2558 จะมีการขยายสาขารวมทั้งสิ้น 7 แห่ง ประกอบด้วย สาขาในประเทศลาว นราธิวาส และอื่นๆ ที่กำลังรอเซ็นสัญญาซึ่งคิดเป็นมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 55 ล้านบาท