Rปลัดกระทรวงพลังงาน3; นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากความก้าวหน้าในการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน อาทิ เฟชบุ๊ค ไลน์ เป็นผลให้การส่งต่อข้อมูลข่าวสารเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และในบางกรณีเป็นที่ใช้ประโยชน์ของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี หรือใช้การอ้างอิงบุคคลที่มีชื่อเสียง สร้างชุดข้อมูลข่าวสารที่ไม่มีข้อเท็จจริง และกลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านี้จะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องการเมือง ซึ่งเป็นการมุ่งโจมตีและเกิดวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชัง (Hate speech) ที่หวังมุ่งทำร้ายและลดความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะต่อหน่วยงานพลังงานในการนี้กระทรวงพลังงานขอวิงวอนให้ประชาชนได้โปรดใช้วิจารณญาณกลั่นกรองการรับประเด็นข้อมูลดังกล่าว ไม่ควรรีบปักใจเชื่อหรือส่งต่อข้อมูลที่อาจมีความบิดเบือนเหล่านี้ออกไป
ทั้งนี้ จากประเด็นที่ปรากฏในสื่อออนไลน์และกำลังเป็นข่าวในขณะนี้ ที่นำข้อความของอดีตเสนาบดีท่านหนึ่งซึ่งพยายามโยงข้อมูลเท็จหลายประการเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการโยงว่ากระทรวงพลังงานได้แก้กฏหมายเพื่อเอื้อให้พรรคพวกอดีตนายกฯ มาฮุบผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมในอ่าวไทย ถือเป็นกรณีการกล่าวเลื่อนลอยและไม่เป็นความจริง เพราะการแก้ไขกฏหมายครั้งล่าสุดของกระทรวงพลังงานนั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล คมช. (ในช่วงปี 255ปลัดกระทรวงพลังงาน) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจจากอดีตนายกฯ ท่านดังกล่าว จึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่รัฐบาลยุคนั้นจะกระทำการใดๆ ที่สมยอมและเอื้อประโยชน์ให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการเชื่อมโยงประเด็นลักษณะนี้ถือเป็นตัวอย่างการปล่อยข่าวโคมลอยที่ขาดความน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
̶ปลัดกระทรวงพลังงาน;กระทรวงพลังงาน เป็นห่วงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ ที่เน้นความรวดเร็วขาดการกลั่นกรองข้อเท็จจริง จึงอาจเป็นพื้นที่ของผู้ไม่หวังดี ที่มุ่งจะสร้างความขัดแย้งจากการเชื่อมโยงประเด็นการเมืองให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยกระทรวงขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา นโยบายหรือการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีทางเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างแน่นอน̶นายทวารัฐ สูตะบุตร; นายทวารัฐกล่าว
นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มว่า การติดตามข้อมูลข่าวสารด้านพลังงาน ทั้งในการสื่อสารแบบดั้งเดิมจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ รวมทั้งการสื่อสารแบบใหม่ในโลกออนไลน์นั้น หากสื่อมวลชนรายใด หรือประชาชนที่สนใจข่าวสารด้านพลังงาน สามารถสอบถามได้ตรงกับหน่วยงานภายใต้สังกัดทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องสูงสุด และไม่มีผลประโยชน์ใดๆ อื่นแอบแฝง นอกจากผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก
จากกรณีที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (เจดีเอ–เอ 18) จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ในช่วงวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2558 นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคใต้ได้ทราบเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าวเนื่องจากก๊าซธรรมชาติจะหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบกับโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 จ.สงขลา กำลังการผลิตไฟฟ้า 800 เมกะวัตต์