ผลการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทยประจำปี 2557 พบว่าอาชีพแพทย์ยังคงมาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย ทหาร ตำรวจ วิศวกร และครู และเมื่อถามถึง 3 สิ่งที่เด็กๆ อยากทำเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับคำตอบว่า อยากดูแลช่วยเหลือประชาชน พัฒนาประเทศ และพัฒนาการศึกษา และมีบางส่วนที่ยังพูดถึงเรื่องการปรับปรุงระบบคมนาคม ปราบปรามยาเสพติด ต่อต้านการโกงกินบ้านเมือง ลดปัญหาการขัดแย้งทางการเมือง และแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยสรุปผลสำรวจประจำปีในหัวข้อ "อาชีพในฝันของเด็กไทย"ครั้งที่ 5พบว่าแพทย์ยังคงครองอันดับ 1 อาชีพในฝันของเด็กไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะอยากช่วยเหลือและดูแลรักษาผู้อื่น ดูแลรักษาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และรายได้ดีโดยมีความต้องการด้านรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 10,000 ถึง 1,000,000 บาท ตามด้วยอาชีพทหาร ตำรวจ วิศวกร และครู ตามลำดับนอกจากอาชีพที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีเด็กบางคนเลือกอยากเป็นเชฟทำอาหาร โดยให้เหตุผลว่าเป็นความชื่นชอบส่วนตัว ขณะที่เด็กส่วนหนึ่งอยากทำอาชีพที่อยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งรวมถึง นักร้อง นักดนตรี นักแสดง นางแบบ และพิธีกร เพราะเป็นความใฝ่ฝัน สร้างความสุขให้คนอื่น เด็กบางส่วนกล่าวว่า อยากเป็นนักเขียนโปรแกรม เนื่องจากรายได้ดี และเป็นอาชีพอิสระ นอกจากนี้ยังมีอาชีพที่อยู่ในความสนใจของเด็กๆ อีกอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ ชาวนา นักบินอวกาศ นักวาดการ์ตูน นักมายากล นักฟุตบอล หรือนักแบตมินตัน อย่างไรก็ตามผลการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กในปีนี้มีจำนวนเด็กที่เลือกอยากเป็นนักธุรกิจเพียงแค่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วมาก
ส่วนคำถามที่ถามถึงอาชีพที่เด็กๆ คิดว่าดีที่สุดหรือเท่ห์ที่สุด พบว่าคำตอบจะแบ่งเป็น 2 ประเภท กลุ่มแรกคือได้คำตอบที่สอดคล้องกับอาชีพในฝันที่อยากเป็นเมื่อโตขึ้น อย่างเช่นฝันอยากเป็นนักดนตรี และเห็นว่านักกีตาร์เท่ห์ที่สุด หรือฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ และคิดว่าการทำงานในนาซ่าเป็นอาชีพที่เท่ห์ที่สุด เด็กอีกกลุ่มหนึ่งก็จะมีคำตอบเรื่องอาชีพที่คิดว่าเท่ห์หรือดีที่สุดต่างจากอาชีพในฝัน อย่างเช่นเด็กคนหนึ่งฝันอยากเป็นสถาปนิก แต่คิดว่าอาชีพที่เท่ห์ที่สุดคือนักแข่งรถ หรือฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน แต่คิดว่าอาชีพประธานาธิบดีเป็นอาชีพที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามเด็กๆ ว่า ถ้าหากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยสิ่งที่ต้องการทำ 3 อย่างคืออะไร คำตอบที่ได้เรียงลำดับมีดังต่อไปนี้
จะเห็นได้ว่าคำตอบที่ได้ในปีนี้จะเป็นเรื่องที่อิงเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปี 2556 เห็นได้ว่าเด็กไทยเริ่มให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่คนไทยต้องการในขณะนี้
ส่วนคำถามที่ว่าถ้าต้องเลือกระหว่างเงินกับการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ผลการสำรวจพบว่ามากกว่าร้อยละ 94 บอกว่าการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าโดยให้เหตุผลว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การอยู่กับครอบครัวทำให้เรามีความสุข ซึ่งเงินจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเด็กบางคนที่เลือกตอบว่าการหาเงินเป็นสิ่งสำคัญกว่า ซึ่งเหตุผลก็คือทำงานหาเงินเพื่อนำมาเลี้ยงดูครอบครัวและตัวเองให้สุขสบาย และเป็นโอกาสที่จะได้รับการศึกษาดีๆ และสูงๆ
สิ่งที่เด็กมักใช้เวลาในวันหยุดคือการเรียนพิเศษ เล่นเกมส์ ดูทีวี และช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ในขณะที่สิ่งที่เด็กๆ ส่วนใหญ่อยากทำในวันหยุดคือการไปเที่ยวหรือใช้เวลากับครอบครัวเล่นเกม เล่นกีฬา หรือเล่นกับเพื่อนๆ และยังมีคำตอบที่น่าสนใจอย่างเช่นอยากออกไปชุมนุมทางการเมืองอีกด้วย รองลงมานอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบอีกว่า เด็กๆ ยังคงให้ความสำคัญกับการเรียน โดยสิ่งที่อยากทำให้ปีหน้าส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาเรื่องการเรียนให้ดีขึ้น อย่างเช่นตั้งใจเรียนมากขึ้น ทำเกรดให้ดีขึ้น และเรียนให้เก่งขึ้น และอยากไปเที่ยวเป็นเรื่องรองลงมา
สำหรับคำถามที่ว่า “ถ้าเลือกได้ พวกเด็กๆ อยากไปอยู่ประเทศไหนมากที่สุดในโลก” และคำตอบที่เด็กกว่า 30% ตอบคืออยากอยู่ประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าประเทศไหนจะมีความน่าสนใจ หรือมีความน่าตื่นเต้นอย่างไรก็ตาม แต่ประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่เด็กๆ อยากอยู่มากที่สุด รองลงมาได้แก่ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และอังกฤษตามลำดับ
“คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้รับจากผลการสำรวจเด็กไทยในปี 2556 ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ณ ปัจจุบันและสื่อทีวีมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของเด็กไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยให้ความสนใจในเรื่องการเมืองมากกว่าเมื่อก่อน นอกจากนี้ยังมีรายการทีวีประเภทประกวดความสามารถที่มีอยู่มากมายก็มีส่วนเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กๆ ให้ความสนใจอาชีพในวงการบันเทิงมากกว่าในอดีต” คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค – ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยกล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit