บลจ.ทิสโก้ โชว์บริหารกอง “ไชน่า ทริกเกอร์” เข้าเป้า 8%ตอกย้ำมุมมองแม่นยำ ชี้ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว สวนกระแสตลาดหุ้นเกิดใหม่

10 Sep 2013

กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป

บลจ. ทิสโก้ โชว์ผลงานบริหารกองทริกเกอร์โดดเด่น ล่าสุดปิดกองหุ้นจีนไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 10 หลังสร้างผลตอบแทนเข้าเป้า 8% ในเวลาเพียง 5 เดือนกว่า ตอกย้ำการมีมุมมองที่แม่นยำและแตกต่างจากผู้จัดการกองทุนอื่น ชี้ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สวนกระแสตลาดหุ้นเกิดใหม่

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ. ทิสโก้ ได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 10” (TISCO China Trigger 8% Fund # 10) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ที่เสนอขายไปในเดือน มี.ค. 56 ซึ่งเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีน ผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 8% ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้นั้น

โดย ณ วันที่ 9 ก.ย. 56 ที่ผ่านมา NAV ของกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 8 % ที่ 10.8651 บาทต่อหน่วย ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลือกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาบริหารกองทุนเพียง 5 เดือนกว่าเท่านั้น ตอกย้ำการมีมุมมองการลงทุนที่แม่นยำและแตกต่างจากผู้จัดการกองทุนแห่งอื่น

“ช่วงที่เราเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% เป็นกองที่ 10 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมามากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งตอนนั้นนักกลยุทธ์การลงทุนของทิสโก้เวลธ์ มองว่าจังหวะดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน เราจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คาดไว้ โดยหลังจากเปิดขายเพียง 5 เดือนกว่าก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% ทำให้ปิดกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการ ถือเป็นอีกผลงานหนึ่งที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพในการบริหารกองทุนของทิสโก้” นายสาห์รัช กล่าว

นายสาห์รัช กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนในขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ลดลงมาต่ำสุดที่ 7.5% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว สะท้อนจากดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ เช่น PMI ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 50 จุด ในเดือนล่าสุดซึ่งเป็นระดับที่แสดงถึงสภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงของการขยายตัว นอกจากนี้ตัวเลขการค้าของจีนในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ยังดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศกลับมาขยายตัวมากขึ้น มากกว่าที่ตลาดคาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อถือว่าอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย รวมถึงคาดว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตเพื่อรักษาระดับการเติบโตไม่ให้ต่ำกว่า 7.5%

ทั้งนี้ตลาดหุ้นของจีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดย นับแต่กลางปีเป็นต้นมาดัชนีปรับขึ้นแล้วกว่า 13% สวนกระแสกับตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินที่ไหลออก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการยกเลิกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) รวมถึงประเทศไทยที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาประมาณ 5% อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ และดัชนียังคงมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก

-กภ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net