กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กรุงศรี SME ผนึก 4 พันธมิตรรายใหญ่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ผลักดันผู้ประกอบการ SME ไทย รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยกิจกรรม “จับคู่ธุรกิจ” (Business Matching) เพิ่มโอกาสการขยายตลาด เปิดโอกาสต่อยอดธุรกิจ ในระยะแรกคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยได้มากกว่าร้อยล้านบาท และในระยะยาวมุ่งให้เกิดการต่อยอดและทำให้ธุรกิจ เกิดการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความผันผวนของเศรษฐกิจยุโรป และอเมริกา รวมถึงการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และญี่ปุ่น ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกก็คือผู้ประกอบการ SME กรุงศรีเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SME เราจึงได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME เพราะการสร้างเครือข่ายทางการค้าที่แข็งแกร่ง การมีคู่ค้าทางธุรกิจที่ดีจะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ SME ไทย”
กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เกิดขึ้นภายใต้แคมเปญ “ลับคมธุรกิจ ต่อยอด SME” ที่มุ่งแสวงหาโอกาสและสร้างความเติบโตให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการขยายคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยในครั้งนี้กรุงศรีได้ผนึกกำลังกับ 4 พันธมิตรรายใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยลูกค้ากรุงศรี SME ขยายตลาดในประเทศ และเพิ่มโอกาสสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งพันธมิตรทั้ง 4 รายประกอบด้วย
ความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญในตลาดการค้าทั้งในและต่างประเทศของพันธมิตรทั้ง 4 รายจะเสริมโอกาสและการเติบโตของผู้ประกอบการ SME ในหลากหลายสาขาธุรกิจได้เป็นอย่างดี อาทิ เอ็นโซโก้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือลีฟวิ่งโซเชียล ที่ปัจจุบันเป็นเว็บไซต์ดีลอันดับ 1 ของไทย จะช่วยขยายตลาดในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร รีสอร์ทและสปา และยังช่วยเป็นตัวกลางในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของ SME ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้น
ขณะที่ล็อกซเล่ย์ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านตัวแทนจัดจำหน่ายและมีเครือข่ายร้านค้าในต่างประเทศ จะช่วยเจาะตลาดการค้าการส่งออก ให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างในประเทศจีน รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีโอกาสในการเติบโตสูง
นอกจากนี้พันธมิตรภาครัฐ อย่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมก็เป็นอีกความร่วมมือหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้พบคู่ค้าใหม่ๆ ที่ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาสติกประเภทต่างๆ ที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มคุณภาพลดต้นทุนการผลิต และในส่วนความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนั้น จะเป็นการประสานงานเพื่อแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดสู่อาเซียน
นายสยาม กล่าวว่า “กิจกรรมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เบื้องต้นคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยมากกว่าร้อยล้านบาท แต่ผลในระยะยาวจะทำให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยเท่านั้น แต่ยังจะช่วยสร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจไทย เป็นศูนย์กลางทางการค้าในตลาดอาเซียนอีกด้วย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง”
“การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) จะเป็นกลยุทธ์หลักของกรุงศรี SME ที่จะนำมาใช้ในไตรมาส 3 เพื่อผลักดันให้เราบรรลุเป้าหมายของการเป็น 1 ใน 3 ธนาคารที่ผู้ประกอบการ SME เลือกใช้มากที่สุด (Top Three SME Banks) ในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายสยามกล่าว
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ของกรุงศรีสามารถติดต่อได้ที่ 02-208-2900 หรือ www.krungsri.com/SME
-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net