กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ธนาคารธนชาต
TCAP รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2556 เพิ่มขึ้น 109% จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่กลุ่มธนชาตได้ดำเนินการขายหุ้นธนชาตประกันชีวิต ให้กับ พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ในขณะที่ผลการดำเนินงานปกตินั้น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวสูงขึ้น จากปริมาณการขยายตัวของสินเชื่อ และการควบคุมต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่อื่นๆสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของผลประกอบการ ไตรมาส 2 ปี 2556 นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า กำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 4,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% จากไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นธนชาตประกันชีวิต ให้กับพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ในขณะที่ผลการดำเนินงานปกตินั้น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังสามารถเติบโตได้ จากการขยายตัวของสินเชื่อ และต้นทุนทางการเงินก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่เนื่องจากไตรมาสนี้มีการหยุดรับรู้รายได้ของลูกหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงเล็กน้อย ด้านค่าใช้จ่ายก็ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายประเภทค่าใช้จ่ายคงที่ได้อย่างดี ด้านสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการตั้งสำรองเพิ่มเติม เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนในอนาคต
ขณะที่ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การขายหุ้นบริษัทย่อยออกไปนั้น ส่งผลดีต่อฐานะทางการเงินของธนาคารและกลุ่มธนชาตในหลายด้าน อาทิ สภาพคล่องปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินปรับตัวลดลง อีกทั้งการนำเงินที่ได้มาตั้งสำรองก็จะทำให้ธนาคารและกลุ่มธนชาตมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันธนาคารได้เซ็นต์สัญญาความร่วมมือทางธุรกิจประกันชีวิตกับ พรูเด็นเชียล เป็นระยะเวลา 15 ปี โดยธนาคารจะทำหน้าที่เป็นนายหน้าแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันชีวิต ของพรูเด็นเชียล และจะร่วมมือกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น สำหรับไตรมาสนี้ NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการปรับลดชั้นของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ธนาคารได้ดำเนินการตั้งสำรองหลังหักมูลค่าหลักประกันเต็มจำนวนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารและกลุ่มธนชาต และธนาคารจะดำเนินการติดตามดูแลลูกหนี้ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป -กภ-