กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--เอเชีย ฟอเรสตรี้ แมนเนจเม้นท์
เอเชีย ฟอเรสตรี้ แมนเนจเม้นท์ ในเครือทรีด้อม กรุ๊ป ตั้งเป้าเป็นผู้นำในการผลิต และจัดจำหน่ายน้ำมันกฤษณาและไม้กฤษณาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2556 ด้วยเล็งเห็นความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเปิดตัวลุยตลาดค้าปลีก
ดร. แอนดรูว สตีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือทรีด้อม กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตน้ำมันกฤษณาและไม้กฤษณาชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทย ที่มีการผลิตอย่างครบวงจร ทั้งนี้น้ำมันกฤษณาและไม้กฤษณาเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง น้ำมันกฤษณา มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 7% ในประเทศไทย และตั้งเป้าการเติบโต 12- 15 % โดยมุ่งเน้นที่การเข้าไปเพิ่มยอดขายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่มีประชากรถึง 66 ล้านคน
โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งเพิ่มปริมาณพื้นที่เพาะปลูก และขยายโรงงานเพิ่มจำนวนหม้อต้มกลั่น จนมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศไทย เพื่อรองรับเป้าหมายที่จะเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่กลิ่นของน้ำมันกฤษณานี้ เป็นการแสดงสถานะทางสังคม นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมมือกับผู้ผลิตน้ำหอมหลักในยุโรป รวมถึงการเป็นผู้ส่งออกน้ำมันกฤษณาเพียงรายเดียวให้ห้างแฮร์รอดส์ ในประเทศอังกฤษ
“จุดแข็งเรา คือ การเป็นผู้ผลิตน้ำมันกฤษณาในระดับพรีเมียม ซึ่งสามารถควบคุมมาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า อันเป็นผลมาจากการควบคุมดูแลการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะกล้า การปลูก การกลั่น และการผลิต สินค้า ที่ทั่วโลกมีเพียงไม่กี่บริษัทที่ทำได้ และเราจัดจำหน่ายเองไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้เราสามารถ แข่งขันด้านราคา จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค”
ปี 2556 บริษัทลงทุนเพิ่มประมาณ 25 ล้านบาท ในการทำการวิจัยและทดลองตลาด ในการผลิตสินค้า จากน้ำมันกฤษณา และไม้กฤษณา ภายใต้แบรนด์ ดาร์ อัล อูด (Dar al Oud) ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ชากฤษณา น้ำมันทาผิว โลชั่นทาผิวกฤษณา เจลอาบน้ำแอนตี้แบคทีเรียกฤษณา ธูปหอมกฤษณา บอดี้สเปรย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อผู้บริโภคชาวมุสลิม ที่นับถือศาสนาอิสลามโดยเฉพาะ และในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ บริษัทจะเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรก
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเปิดร้านเพิ่มเติมในเอเชีย พร้อมกับร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกในตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และบาห์เรน ในการกระจายสินค้าให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าไว้ไม่น้อยกว่า 50 แห่ง
ด้านการผลิตบริษัทอยู่ระหว่างมองหาช่องทางในการขยายพื้นที่ปลูกไม้กฤษณาในประเทศพม่า ขณะเดียวกันก็มีผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย ติดต่อเข้ามาให้เราไปบริหารจัดการด้านการเพาะปลูก
ดร. แอนดรูว ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากการปลูกไม้กฤษณาเพื่อการค้าแล้ว ยังมีมูลนิธิ “Plant A Tree Today“ หรือ PATT ที่ก่อตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร เป็นมูลนิธิที่มีสำนักงานในการดำเนินงานในประเทศไทย โดยหน่วยงานนี้ ทำงานเพื่อสร้างความตระหนักของปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก รณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยในปี 2552 PATT ได้รับรางวัล UN SEED Award จากสหประชาชาติ ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับผู้ประกอบการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและการพัฒนาสังคม ขณะเดียวกันก็ได้ช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น ด้านการปลูกต้นไม้ นอกจากนี้ยังสนับสนุนโครงการมเหสักข์ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการปลูกต้นไม้จำนวน 2,200 ต้น มีการปลูกไปแล้วเบื้องต้น 1,100 ต้น ในโรงเรียน 18 แห่ง
"เราภูมิใจที่เรามีมาตรฐานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ดำเนินตามขั้นตอนในการปลูกต้นไม้สำหรับธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยเราสามารถกล่าวได้ว่ามูลนิธิของเราปลูกต้นไม้มากกว่า 10 เท่าของการตัดต้นไม้ในธุรกิจน้ำมันกฤษณาของเรา" ดร. แอนดรูว กล่าว
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit