"เอสซีจี" ลุยขยายสาขา "โฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์" บิสซิเนสโมเดลใหม่ รวมนวัตกรรมสินค้าวัสดุก่อสร้างและการบริการครบวงจร รับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เน้นศึกษาหาข้อมูล เลือกซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยตนเองมากขึ้น วาดเป้าภายในปีหน้า เปิดสาขาให้ได้ 20 แห่ง คลุมพื้นที่กทม. และต่างจังหวัด คาดสิ้นปีนี้เปิดสาขาเพิ่มอีกเป็น 14 แห่ง ชูจุดขาย "วัน สต็อป โซลูชั่น" ทั้งปรึกษา ออกแบบ ประมาณการราคา พร้อมติดตั้งและรับประกัน เผยผลสำเร็จลูกค้า 97% มีความพึงพอใจ ด้านความน่าเชื่อถือ ระบบสินค้าและบริการ
นายมานิตย์ บุญประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจโฮม โซลูชั่น ในธุรกิจ เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า แผนธุรกิจจากนี้ไป จะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาศูนย์ "โฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์" (Home Solution Center) ศูนย์บริการและรวมสินค้าเรื่องบ้านครบวงจรมากขึ้น โดยวางเป้าหมายภายในปีหน้า คือปี 2556 จะเปิดศูนย์บริการโฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์ ให้ได้ทั้งหมด 20 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด จากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 12 แห่ง และภายในสิ้นปีนี้ มีแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 14 แห่ง
“เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ และการเติบโตของตลาด ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มีแนวโน้มในการศึกษาหาข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยตนเองมากขึ้น โดยมีความต้องการที่จะปรึกษาและหาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงในเชิงลึกในแต่ละส่วนของบ้าน และต้องการความสะดวกในการซื้อสินค้าบริการแบบครบวงจร One Stop Solution ทั้งปรึกษา เลือกซื้อ ติดตั้ง และรับประกัน "โฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์” จึงถือเป็นบิสซิเนส โมเดล ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ที่รวบรวมนวัตกรรมด้านระบบ สินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงการบริการ ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในเรื่องของบ้าน และระบบบ้านอย่างครบวงจร โดยสะท้อนจากความสำเร็จของจำนวนสาขาเพียงแค่ 3 ปี จนถึงขณะนี้เปิดไปแล้วถึง 12 แห่ง และการตอบรับที่ดีของลูกค้า โดยพบว่าลูกค้าที่ได้เข้ามาใช้บริการ มีความพึงพอใจเฉลี่ย 97% ในด้านต่างๆ ทั้ง ความน่าเชื่อถือ ความรู้ ระบบสินค้าและบริการ" นายมานิตย์กล่าว และเพิ่มเติมว่า
“โฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์ เป็นการบริหารงาน ภายใต้รูปแบบ "Shop in Shop" บริหารงานร่วมกับร้านผู้แทนจำหน่ายเพื่อพัฒนาศักยภาพของช่องทางการจัดจำหน่ายแบบยั่งยืน เน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา ที่มุ่งตอบสนองความต้องการ แก้ไขและป้องกันปัญหาของลูกค้า การจัดตกแต่งพื้นที่จัดแสดงสินค้าให้ดูครบทันสมัย ทำให้สะดวกและง่ายในการเลือกซื้อ และการนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ ของสินค้าที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบโจทย์ด้านการใช้งานอย่างเป็นระบบ รวมทั้งบริการต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ อย่างบริการรับให้คำปรึกษา ออกแบบ ประมาณการราคา บริการติดตั้ง เพื่อให้เป็นศูนย์บริการที่จะช่วยตอบโจทย์ทุกรูปแบบการอยู่อาศัยอย่างลงตัว
"พฤติกรรมที่ต้องการเลือกซื้อวัสดุที่มีคุณภาพ เลือกวัสดุที่มีความสวยงาม ด้วยตัวเองของเจ้าของบ้านมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากแต่ก่อนการเลือกซื้อหลังคา เจ้าของบ้านที่จะสร้างบ้าน จะลงมาเลือกซื้อสินค้าหลังคาด้วยตัวเอง เพียงแค่ 2-3% แต่วันนี้สัดส่วนเจ้าของบ้านที่จะเลือกวัสดุหลังคาเองเพิ่มสูงขึ้นสูงถึง 20% และสัดส่วนที่จะเลือกวัสดุห้องน้ำด้วยตัวเองก็สูงถึง 30-40% ของเจ้าของบ้านทั้งหมด ซึ่งโฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์ คือทุกคำตอบให้ทุกองค์ประกอบของบ้าน ตั้งแต่ส่วนของหลังคา (Roofing Solution) ฝ้าและผนัง (Ceiling & Wall Solution) ภูมิทัศน์ภายนอก (Landscape Solution) ห้องน้ำ (Bathroom Solution) วัสดุกรุพื้นผิว (Surface Covering Solution) และห้องครัว (Kitchen Solution) พร้อมการรับประกันงานติดตั้งสูงสุด 10 ปี ทำให้ลูกค้าได้ทั้งสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน"
ทั้งนี้ นายมานิตย์ยังได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “โดยภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคู่แข่ง ด้านผู้ผลิตสินค้าที่เน้นใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น และยังมีคู่แข่งด้านช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า ที่พยายามจะเพิ่มความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่เน้นใช้กลยุทธ์ในเรื่องความหลากหลายของสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น กระเบื้องเซรามิก มีการเติบโตมากกว่า 20% และกลุ่มที่เน้นใช้กลยุทธ์ด้านสินค้าราคาถูก ด้วยการทำเอาท์เล็ต ขนาดใหญ่ แต่โฮม โซลูชั่น เซ็นเตอร์ นำเสนอในรูปแบบของโซลูชั่น คือเราไม่ได้ขายแค่ผืนหลังคา แต่เราขายระบบหลังคา ระบบบ้านเย็น หรือระบบห้องน้ำ โดยมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นมากกว่าพนักงานขายมาให้คำปรึกษา เรียกว่าไม่เพียงได้บ้าน แต่คุณยังได้บ้านที่มีคุณภาพด้วย” นายมานิตย์ กล่าวสรุป
-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net