บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ของ บริษัท ไทยเนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด (TNP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัท อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศที่ได้รับการยอมรับ ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement -- PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ในบริเวณมาบตาพุด
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม การเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะค่อย ๆ เพิ่มกระแสเงินสดที่แน่นอนให้แก่บริษัทในปี 2554 และปี 2555 ตามลำดับ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโกลว์ พลังงาน ก่อตั้งในปี 2536 เพื่อประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogen) และธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer – IPP) ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันกลุ่ม GDF Suez ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ GDF SUEZ เป็นกลุ่มพลังงานชั้นนำของโลกซึ่งดำเนินธุรกิจตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า ค้าก๊าซ และให้บริการด้านพลังงานอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป บริษัทโกลว์ พลังงานเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบริษัทมีรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจ Cogen ประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2553 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,945 เมกะวัตต์ โดยมาจากโครงการ IPP 865 เมกะวัตต์ และ Cogen 1,080 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า IPP พลังงานก๊าซของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี และโรงไฟฟ้า IPP พลังงานน้ำตั้งอยู่ในประเทศลาว ธุรกิจโรงไฟฟ้า Cogen ของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและอีสเทิร์นซีบอร์ดในจังหวัดระยองส่วนใหญ่ให้บริการแก่ลูกค้าในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งต้องการกระแสไฟฟ้าที่มีความแน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความเสี่ยงจากการมีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งกระจุกตัวอยู่ในเขตพื้นที่มาบตาพุดซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งด้านสิ่งแวดล้อม
จากกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของกลุ่มโกลว์จำนวน 1,945 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 1,046 ตันต่อชั่วโมง บริษัททำสัญญา PPA อายุระหว่าง 21-25 ปีเพื่อขายไฟฟ้าจำนวน 1,429 เมกะวัตต์ให้แก่ กฟผ. ส่วนปริมาณไฟฟ้าและไอน้ำที่เหลือรวมถึงน้ำปราศจากแร่ธาตุนั้นบริษัททำสัญญาขายระยะยาวให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลาคงเหลือมากที่สุด 20 ปี ทั้งนี้ การขายไฟฟ้าและไอน้ำตามสัญญาดังกล่าวถือเป็นแหล่งรายได้ที่แน่นอนสำหรับบริษัท ในปี 2553 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ในสัดส่วน 57% และส่วนที่เหลือขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 ผู้ถือหุ้นของบริษัทโกลว์ พลังงาน มีมติอนุมัติการซื้อหุ้น TNP 100% จาก International Power PLC (IPR) ในราคา 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การซื้อกิจการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คือ GDF SUEZ และ IPR ที่มีแผนรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทยเข้าด้วยกันหลังจาก IPR ได้ควบรวมกิจการกับกลุ่ม GDF Suez เมื่อต้นปี 2554 TNP เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซขนาด 141 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ SPP ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้า Cogen ขนาด 110 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ SPP มูลค่า 4,500 ล้านบาทด้วย ปัจจุบัน TNP มีรายได้ปีละ 2,400-2,600 ล้านบาท และมี EBITDA ปีละ 460-540 ล้านบาทในระหว่างปี 2551-2553 ณ เดือนมิถุนายน 2554 TNP และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้ที่มีดอกเบี้ยรวม 2,902 ล้านบาท ทั้งนี้ TNP จะต้องกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ภายใต้โครงการ SPP ดังนั้นการลงทุนใน TNP ของบริษัทโกลว์ พลังงานจึงคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,570 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 30.2 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ หลังการซื้อหุ้น TNP กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีก 251 เมกะวัตต์ในปี 2555 หรือคิดเป็น 8% จากระดับกำลังการผลิตไฟฟ้าก่อนการลงทุน การลงทุนใน TNP จะทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นเนื่องจากโรงไฟฟ้าของ TNP ตั้งอยู่นอกพื้นที่มาบตาพุดและให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนแอลงในระยะกลางหลังจากการรวมกิจการของ TNP แต่ภาระหนี้เงินกู้ยังถือว่าอยู่ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากจะมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจาก TNP และกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ของบริษัทที่กำลังทยอยเปิดดำเนินการ
ผลการดำเนินงานของบริษัทโกลว์ พลังงานในปี 2553 นับว่าน่าพอใจแม้ว่าจะประสบความล่าช้าในการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม CFB#3 ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 4.1% ในปี 2553 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่รายได้รวมเติบโต 3.3% เป็น 35,657 ล้านบาทในปี 2553 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 25.0% ในปี 2553 จาก 22.1% ในปี 2552 เนื่องจาก ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง บริษัทมี EBITDA เท่ากับ 9,084 ล้านบาทในปี 2553 เพิ่มขึ้น 16% จาก 7,830 ล้านบาทในปี 2552 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 EBITDA ของบริษัทเท่ากับ 2,279 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้จากธุรกิจ IPP ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลกระทบของการแข็งค่าของเงินบาท ตลอดจนปัญหาปริมาณน้ำฝนที่ลดลงซึ่งกระทบต่อรายได้จากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ การลดลงของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ EBITDA ของบริษัทลดลง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 62.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 เทียบกับ 59.8% ในปี 2552 เนื่องจากบริษัทมีการกู้ยืมเพิ่มเพื่อลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ดี คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในปี 2554 จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 0.0893 บาทต่อหน่วยจากการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ระหว่างเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2554 และค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 0.0293 ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2554 จะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นได้บางส่วน
โครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 2 โครงการคือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ระยะที่ 5 (ขนาด 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า) และโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้ชื่อ GHECO-One (ขนาด 660 เมกะวัตต์) นั้นยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการทั้ง 2 แห่งจะต้องใช้เงินทุนเพื่อการพัฒนาตามแผนอีกประมาณ 9,800 ล้านบาทในปี 2554 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมระยะที่ 5 จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกันยายน 2554 ในขณะที่การพัฒนาโรงไฟฟ้า IPP ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขออนุมัติรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2555 โครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวรวมถึงการซื้อหุ้นใน TNP จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 1,293 เมกะวัตต์เทียบเท่า และกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของกลุ่มโกลว์จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 58% เป็น 3,526 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2555 ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GLOW12DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A
GLOW156A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A
GLOW173A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 คงเดิมที่ A
GLOW175A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 คงเดิมที่ A
GLOW17OA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 256 คงเดิมที่ A
GLOW186A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 256 คงเดิมที่ A A
GLOW194A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 256 คงเดิมที่ A A
GLOW19OA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 256 คงเดิมที่ A
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
GPSC แจงผลประกอบการไตรมาส 2/2566 กำไรลดลง 55% เมื่อเทียบกับปีก่อน ชี้ปัจจัยหลักจาก โรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน ระยะที่ 5 มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน และผลการดำเนินงานของโครงการไซยะบุรีปรับตัวลดลงตามปริมาณน้ำที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP ลดลง เนื่องจากโรงไฟฟ้าศรีราชาและโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี มีการใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงหลักแทนก๊าซธรรมชาติลดลง ตามแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ. อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน AEPL เพิ่มขึ้นจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์
ฟิทช์กล่าวว่าอันดับเครดิตของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ยังคงอยู่ภายใต้เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ หลังจากที่บริษัทประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ว่า...
บริษัท ชลบุรี คลีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด หรือ CCE ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเครือ บมจ. โกลว์ พลังงาน SUEZ และบมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (WHAUP) ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ในโครงการโรง...