กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
กลุ่มทิสโก้โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/54 มีกำไรสุทธิ 899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อทุกภาคส่วน มั่นใจแผนการดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพ ส่งให้ภาพรวมธุรกิจทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยมีความท้าทายสูง
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mrs. Oranuch Apisaksirikul, Group CEO) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 3/54 ที่ผ่านมาว่า แม้ปีนี้จะเป็นปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 3 มีการขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 23.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อในทุกภาคส่วน “ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้น ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ที่มีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา และปัจจัยภายในประเทศเช่นเหตุการณ์อุทกภัยที่ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่มาก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวย่อมส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มทิสโก้ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบมาโดยตลอดในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาพรวมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เรายังคงมีผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานรวมทั้งปีของกลุ่มทิสโก้จะบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน”
ด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr. Suthas Ruangmanamongkol, President, TISCO Bank Plc.) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารทิสโก้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีการขยายตัวที่โดดเด่น ทั้งในส่วนของสินเชื่อและเงินฝาก โดยสินเชื่อรวมมีการเติบโตถึง 21.4% จากสิ้นปี 53 โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 18.8% ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อธุรกิจมีการเติบโตที่โดดเด่น โดยเติบโตถึง 46.3% และ 51.7% ตามลำดับ “สำหรับสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อหลักของทิสโก้ยังคงมีการขยายตัวที่น่าพอใจ โดยสินเชื่อเช่าซื้อเติบโต 16.7% จากสิ้นปี 53 สินเชื่อจำนำทะเบียน TISCO Auto Cash เติบโต 32.3% จากสิ้นปี 53 และสินเชื่อเพิ่มวงเงิน TISCO Top Up สำหรับเจ้าของรถ ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 1,800 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ คงส่งผลกระทบต่อตลาดเช่าซื้อรถยนต์โดยรวมทั้งอุตสาหกรรมในช่วง 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงที่ทุกคนหยุดและรอดูว่าเหตุการณ์น้ำท่วมจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ตลาดก็จะมีการฟื้นตัวทันที นอกจากนี้ยังมีปัจจัยส่งเสริมจากมาตรการรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขายรถยนต์ใหม่ จึงมั่นใจว่าธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์จะได้รับผลดี และจะยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง” นายสุทัศน์ กล่าว
สำหรับเงินฝากรวม ซึ่งได้แก่เงินฝากและตั๋วแลกเงินระยะสั้นมีการเติบโตที่โดดเด่นเช่นกัน โดยเติบโตถึง 28.8% จากสิ้นปี 2553 เนื่องจากธนาคารได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากและตั๋วและเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/54 ธนาคารได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในเงินฝากทุกประเภท โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในปัจจุบันได้แก่เงินฝากออมทรัพย์ไดมอนด์ บัญชีออมทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 3% ต่อปี และตั๋วแลกเงินพิเศษ อายุ 7 เดือน ที่นำเสนออัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 4.5% ต่อปี
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ขยายช่องทางการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 แห่งที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร และสำนักอำนวยสินเชื่อทิสโก้ลีสซิ่ง เพิ่มอีก 2 แห่งในต่างจังหวัด เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ที่ครบวงจร โดยปัจจุบันมีสาขาธนาคารทิสโก้และสาขาสำนักอำนวยสินเชื่อ รวมกันจำนวน 56 แห่ง ทั่วประเทศ
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ (Mr. Chatri Chandrangam, CFO) กล่าวถึงรายละเอียดของผลประกอบการไตรมาส 3/54 ว่า กลุ่มทิสโก้มีผลกำไรหลังผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในไตรมาส 3/2554 จำนวน 898.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.29 ล้านบาท หรือ 23.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิหลังผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 2,590.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384.94 ล้านบาท หรือ 17.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 2,205.78 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 6.9% นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 11.1% มาอยู่ที่ 3,130.22 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเพิ่มขึ้น 24.2% ตามการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อทุกภาคส่วนและธุรกิจประกันภัยธนกิจ ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 12.3% ตามการขยายตัวของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร และการออกกองทุนที่หลากหลายตรงตามความต้องการลูกค้า นอกจากนี้ รายได้ค่านายหน้าธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ตามปริมาณการซื้อขายของตลาดที่สูงขึ้น
โดยธุรกิจธนาคารทิสโก้ มีเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2554 มีจำนวน 181,738.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 21.4% จากสิ้นปี 2553 ตามการเติบโตของสินเชื่อในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีจำนวนสินเชื่อ 13,611.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากสิ้นไตรมาส 2 ปี 2554 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินเชื่อเพื่อผู้จำหน่ายรถยนต์ สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีมูลค่าของสินเชื่อจำนวน 123,863.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่อนุมัติใหม่มีจำนวน 16,167.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 นอกจากนี้ สินเชื่ออเนกประสงค์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ทิสโก้ ออโต้ แคช มีจำนวน 7,103.49 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9.8% เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2554 ด้านสินเชื่อธุรกิจมีจำนวน 28,754.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากสิ้นไตรมาส 2 ปี 2554
ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ไตรมาส 3/54 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันผ่าน บล.ทิสโก้ เท่ากับ 1,362.98 ล้านบาท ลดลง 16.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 นี้ มีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกว่าปัญหาในประเทศดังกล่าวจะลุกลามมากขึ้น และมีการเทขายหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้ รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในไตรมาส 3/54 ปรับตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน 11.6% โดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บล. ทิสโก้ ประกอบด้วย ลูกค้าสถาบันในประเทศ 26.3% ลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 20.9% และลูกค้ารายย่อยในประเทศ 52.8%
ธุรกิจจัดการกองทุน บลจ.ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 ก.ย. 54 จำนวน 131,793.85 ล้านบาท ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่แล้ว ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนในไตรมาส 3/54 เท่ากับ 158.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน มีส่วนแบ่งตลาด ณ วันที่ 31 ส.ค. 54 เป็นอันดับที่ 6 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 5.0% แบ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.5% สำหรับกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งตลาด 13.5% และกองทุนรวมอยู่ที่อันดับที่ 15 มีส่วนแบ่งตลาด 0.9% ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแบ่งเป็นสัดส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 61.3% กองทุนส่วนบุคคล 27.4% และกองทุนรวม 11.3%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เสาวนีย์ สันทบ ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์
บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โทร. 02 633 6906
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit