อธิบดีกรมธนารักษ์เผยผลของวิกฤติอุทกภัยที่มีต่อราคาประเมินที่ดิน

02 Nov 2011

กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง

นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์เปิดเผยว่า ตามที่จะมีการประกาศบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมรอบบัญชีปี พ.ศ. 2555-2558 ซึ่งจะประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2555 นั้นแม้ว่าจะประสบปัญหาอุทกภัยที่เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการ แต่กรมธนารักษ์ก็ได้พยามยามดำเนินการทุกอย่างเพื่อจัดทำบัญชีประเมินให้พร้อมที่จะประกาศใช้ใน วันที่ 1 มกราคม 2555 ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่จะประกาศใช้ใหม่นี้ได้ใช้ข้อมูลราคาซื้อขายที่ได้มีการจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาประเมินที่กำหนดใหม่นี้สะท้อนราคาที่มีการซื้อขายกันอย่างเป็นธรรม ส่วนภาวะวิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้น่าจะยังไม่มีผลต่อราคาประเมินที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว เนื่องจากเหตุดังกล่าวเกิดในระยะเวลากระชั้นชิดกับสิ้นปี ทำให้ยังไม่มีข้อมูลอ้างอิง

ท้ายนี้ นายนริศกล่าวต่อว่าหากในระหว่างปีบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ พ.ศ. 2555-2558 ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ราคาที่ดินเปลี่ยนแปลงไปทั้งในทางที่สูงขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กรมธนารักษ์ก็สามารถที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อปรับราคาประเมินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงได้โดยไม่ต้องรอให้ครบรอบการประกาศบัญชีทุก 4 ปี และนายนริศยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่ามีความเป็นไปได้ที่ในระยะแรกราคาที่ดินอาจลดลงในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม เนื่องจากอาจจะมีการเสนอขายอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันมองในอีกมุมมองหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหลังน้ำท่วมคงมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะการลงทุนด้านพัฒนาสาธารณูปโภคทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อฟื้นฟูทั้งความเป็นอยู่ของประชาชนและทรัพย์สินต่างๆ ตลอดจนการป้องกันวิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจจะทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้ ตัวอย่างที่พอจะเห็นได้ เช่น ที่ดินแถวบางบัวทองที่จะมีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะไปถึง ในขณะเดียวกันเชื่อว่าจะมีการฟื้นฟูและทำระบบป้องกันน้ำท่วมขนานใหญ่ ซึ่งจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีสภาพเป็นเมืองใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อราคาที่ดินไม่มากก็น้อย