สคฝ.พบผู้ฝากเงินรักษาสิทธิ เรียกหาโลโก้สถาบันคุ้มครองเงินฝากเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนทุกครั้ง ป้องกันความสับสนคุ้มครอง-ไม่คุ้มครองเงินฝาก พร้อมยืนยัน พ.ร.บ.ไม่ได้คุ้มครองตั๋วบีอี นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่าปัจจุบันพบว่าประชาชนผู้ฝากเงินได้มีการสอบถามหรือเรียกหาโลโก้สถาบันคุ้มครองเงินฝากก่อนการทำธุรกรรมต่างๆจากแบงก์ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจก่อนทุกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีในการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคในการตรวจสอบข้อมูลซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สคฝ.ได้ประสานงานไปยังสถาบันการเงิน และแจกจ่าย “สติ๊กเกอร์ตราสัญลักษณ์สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” ให้กับสถาบันการเงินทั้ง 38 แห่งและสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ฝากเงินได้สังเกตเห็น และเป็นการสร้างความมั่นใจผู้ฝากเงินว่าสถาบันการเงินที่ฝากเงินนั้นได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ผู้ฝากเงินสามารถสอบถามสถาบันการเงินที่ใช้บริการ เกี่ยวกับความร่วมมือในการติดโลโก้หรือข้อความของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินมีความกระตือรือล้นในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากก่อนการใช้บริการและป้องกันการสับสนได้
นอกจากนี้ สถาบันคุ้มครองฝากกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขอให้ ธนาคารพาณิชย์ติดประกาศรายละเอียดของประเภทเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง เพื่อแจ้งผู้ฝากเงินให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะขอความร่วมมือให้มีการประทับตราคุ้มครองเงินฝากที่ผลิตภัณฑ์ของธนาคารที่ได้รับความคุ้มครอง เพื่อป้องกันการสับสนว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้รับการคุ้มครองเงินฝากหรือไม่
ทั้งนี้ ตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝากกำหนดให้ สคฝ.คุ้มครองเฉพาะเงินฝาก แต่ไม่ได้คุ้มครองตั๋วแลกเงินหรือบี/อี เงินฝากที่เกี่ยวข้องกับอนุพันธุ์แฝง บัญชีเงินฝากที่เป็นเงินตราต่างประเทศและอื่นๆ
นายสิงหะกล่าวเพิ่มเติมว่า “อยากจะฝากเตือนผู้ฝากเงินทั่วไปส่วนใหญ่ที่มีรูปแบบการออมเงินโดยเงินฝากอยู่เดิมนั้น ไม่ต้องตื่นตระหนกกับเรื่องวงเงินคุ้มครอง ควรทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ รอบด้าน อย่าฟังคำชักชวนต่างๆในการลงทุนที่อาจไปเพิ่มความเสี่ยงที่มากกว่าเดิม หากท่านไม่สามารถรับความเสี่ยงเพิ่มได้ และไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญการลงทุนใหม่ๆ ที่ดีพอ”
สำหรับผู้สนใจรายละเอียดต่างๆของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือต้องการค้นหารายชื่อ
สถาบันการเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง และวงเงินคุ้มครอง สามารถติดตามได้ทาง www.dpa.or.th หรือ 02-272-0300
สำนักผู้บริหารและสื่อสารองค์กร โทร. 02-272-0300 ต่อ 127/ www.dpa.or.th