กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--กรมสรรพสามิต
กรมสรรพสามิตจับมือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทำบันทึกข้อตกลง ส่งเสริมสนับสนุนองค์การบริหารส่วนจังหวัดจัดเก็บภาษีน้ำมันและภาษียาสูบด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพาส่วนกลาง สร้างความยั่งยืนทางการคลัง
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต และนายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดดำเนินการจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ ห้องแคทลียา โรงแรมรามาการ์เด้นท์
นายพงษ์ภาณุ เปิดเผยว่า การกระจายอำนาจให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีอิสระในการบริหารงานของตนเอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องพึ่งพารายได้ของตนเอง เป็นหลัก โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่จัดเก็บภาษีด้วยตนเอง การที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่จัดเก็บภาษีเองจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระในการบริหารงานของตนเองอย่างเต็มที่ แต่ในปัจจุบันรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังเป็นรายได้ที่เกิดจากภาษีที่รัฐบาลเป็นผู้จัดสรรให้ การพึ่งพาเงินจากรัฐบาลมากกว่าการพึ่งพารายได้ของตนเอง ทำให้องค์กรปกครองท้องถิ่นขาดความเป็นอิสระในการบริหารงานของตนเอง ความเป็นอิสระ ที่แท้จริงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพึ่งพารายได้ของตัวเองเป็นหลัก
ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 อบจ. มีอำนาจจัดเก็บภาษีบำรุง อบจ. จากน้ำมันและยาสูบเอง แต่ในทางปฏิบัติ อบจ. ส่วนใหญ่ได้มีการออกข้อบัญญัติและมอบอำนาจให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้จัดเก็บแทนตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ซึ่งกรมสรรพสามิตได้ออกข้อบังคับกรมสรรพสามิตเพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษีบำรุง อบจ. จากน้ำมันและภาษียาสูบแทน
ในการดำเนินการจัดเก็บภาษีแทนนั้น กรมสรรพสามิตมีอำนาจรับจดทะเบียนและรับชำระภาษีให้เท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการประเมินภาษี เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ติดตามตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของการชำระภาษี บังคับเรียกเก็บภาษีอากรค้างชำระ ใช้มาตรการทางอาญาดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนข้อบัญญัติ หรือเปรียบเทียบคดี เพราะเกินเลยอำนาจของกฎหมาย เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจึงทำได้เพียงแจ้งข้อมูลให้ อบจ. ทราบเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีบำรุง อบจ. กรมสรรพสามิตจึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงาน โดยจะปรับเปลี่ยนบทบาทของกรมสรรพสามิตเป็นที่ปรึกษาให้แก่ อบจ. แทนการดำเนินการจัดเก็บภาษีให้ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนบทบาทดังกล่าวกำหนดระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
นายพงษ์ภาณุ กล่าวอีกว่า กรมสรรพสามิต และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้จัดทำบันทึกข้อตกลงเพื่อร่วมมือกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ อบจ. มีความสามารถในการจัดเก็บรายได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะร่วมกันพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ ในการจัดเก็บภาษีให้แก่ อบจ. และให้กรมสรรพสามิตและกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา เพื่อให้อบจ. ลดการพึ่งพาเงินอุดหนุนจากส่วนกลาง และมีความเข้มแข็งทางการคลัง
หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ป.ณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ และ จะมอบสินบนนำจับให้ภายหลังจากคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต โทร.02 241 4778 www.excise.go.