ผลสำรวจจากแอมด็อคส์ : ชี้ช่วงเวลาเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มขีดความสำคัญ

20 Apr 2011

กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--เวเบอร์ แชนด์วิ

ช่วงเวลาเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เฉลี่ยระหว่างปี 2551-2554 เร็วขึ้นเพียงเล็กน้อยและร้อยละ 70 ของผู้ให้การบริการด้านการสื่อสาร เน้นความสำคัญในการปรับสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานให้ทันสมัย เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้น

แอมด็อคส์ (NYSE: DOX) ผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริการลูกค้า เปิดเผยผลสำรวจรอบโลกเกี่ยวกับแนวโน้มและผลกระทบทางธุรกิจของช่วงเวลาเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด (time-to-market) ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งสำรวจโดยบริษัทวิจัยโคล์แมน ปาร์คส์ (Coleman Parkes Research) ที่อิงผลสำรวจในปี 25511

จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ร้อยละ 70 ของผู้ให้บริการด้านการสื่อสารเห็นความสำคัญของช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด (time-to-market) ซึ่งมากขึ้นจากเดิมที่มีเพียงร้อยละ 59 ในปี 2551 อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า ช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเฉลี่ยระหว่างปี 2551-2554 เร็วขึ้นเพียงเล็กน้อย ในความเป็นจริง ผู้ให้การบริการที่สามารถเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดภายใน 6 เดือนมีจำนวนน้อยลง ในปี 2551 ร้อยละ 67 ของผู้ให้การบริการ กล่าวว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนในการเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด เมื่อเทียบกับปัจจุบันซึ่งมีจำนวนร้อยละ 65

ผลสำรวจที่น่าสนใจ:

? ผู้ให้การบริการไม่สามารถเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ตรงตามเป้าหมาย : ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในสามของผู้ให้การบริการไม่สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ภายในเวลา 6 เดือน โดยมีผู้จัดหาบริการจำนวนหนึ่งในสามเช่นกัน ที่รายงานว่าระยะเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดมีการปรับตัวเร็วขึ้นถึงร้อยละ 21 โดยเฉลี่ยผู้ให้การบริการร้อยละ 45 ระบุว่าสาเหตุที่ถ่วงเวลาการเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด คือความต้องการด้านบริการสนับสนุนสำหรับบุคคลที่สามที่มีระยะเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดที่เพิ่มขึ้น อาทิ แอพพลิเคชั่นสโตร์ หรือ IPTV รวมถึงอุปกรณ์เสริมเพื่อการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ ผู้ให้การบริการร้อยละ 59 เห็นว่าความซับซ้อนทางเทคโนโลยีเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งในการถ่วงเวลาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ร้อยละ 58 ระบุว่าความไม่คล่องตัวของขั้นตอนและระบบการทำงานที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นปัญหาหลักที่สำคัญ แม้ว่าผู้ให้การบริการพยายามหาแนวทางปรับใช้รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ปัญหาดังกล่าวยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ

? ช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดส่งผลกระทบต่อความเสียหายในวงกว้าง: ร้อยละ 68 ของผู้ให้การบริการเชื่อว่าความเร็วในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นตัวชี้วัดความแตกต่างทางธุรกิจที่สำคัญ โดยร้อยละ 95 ของกลุ่มผู้ให้การบริการนี้กล่าวว่าช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดมีผลต่อรายได้ นอกจากนี้ ร้อยละ 95 ของกลุ่มผู้ให้การบริการนี้เชื่อว่าช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดมีผลต่อภาพลักษณ์ของตราผลิตภัณฑ์ และร้อยละ 94 เห็นพ้องว่าระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายที่รวดเร็วกว่าจะช่วยให้บริษัทได้รับความภักดีจากลูกค้ามากขึ้น ดังนั้น กลุ่มผู้ให้การบริการที่ไม่สามารถย่นระยะเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ก็จะมีความเสี่ยงต่อการยกเลิกการใช้บริการ กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า รวมทั้งพลาดโอกาสในการสร้างรายได้

? การลงทุนในระบบเสริมการปฏิบัติงานมีผลโดยตรงต่อการย่นระยะเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด: ร้อยละ 70 ของกลุ่มผู้ให้การบริการเชื่อว่าการปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้ทันสมัย เป็นสิ่งจำเป็นในการเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ให้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ร้อยละ 76 ในบรรดากลุ่มผู้ให้การบริการที่รายงานว่าสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็ว ระบุว่าเป็นผลเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างการทำงาน ในขณะที่ร้อยละ 76 กล่าวว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนและระบบของผลิตภัณฑ์ใหม่ ร้อยละ 81 ชี้ว่าเป็นผลจากการปรับปรุงระบบการควบคุมและการจัดการโครงการที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว นอกจากนี้ ร้อยละ 65 กล่าวว่าเป็นผลจากการบรูณาการด้านระบบเสริมการปฏิบัติงานและธุรกิจเข้าด้วยกัน (business and operational support systems integration).

“ช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดมีความสำคัญเนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ของลูกค้าและความต้องการอยู่เหนือคู่แข่งของผู้ให้การบริการ ผู้ให้การบริการต่างตระหนักถึงผลกระทบของช่วงเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดที่มีต่อความสำเร็จของธุรกิจและการสร้างผลกำไร อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาพการตลาดใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ผลสำรวจพบว่ามีผู้ให้การบริการจำนวนมากที่ยังมีปัญหาไม่สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้” รีเบ็กก้า พรูฮอม รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น แอมด็อคส์ กล่าว “การสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ให้การบริการที่ลงทุนแก้ปัญหาด้านการปฏิบัติงานสามารถลดระยะเวลาเตรียมผลิตภัณฑ์ให้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อประสบการณ์ของลูกค้า และสร้างผลดีให้กับธุรกิจในวงกว้าง”

การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยทำการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพกับผู้บริหารระดับสูง จำนวน 125 คนของบริษัทผู้ให้การบริการด้านการสื่อสารไร้สาย 50 ราย ผู้ให้การบริการผ่านคู่สาย 50 ราย และผู้ให้การบริการด้านการสื่อสารผ่านสายเคเบิ้ล 25 รายในทวีปยุโรป ละตินอเมริกา อเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิค

[1] http://www.amdocs.com/News/Pages/Service%20Provider%20Survey.aspx, June 08, 2008

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

? อ่านข้อมูลการสำรวจฉบับสมบูรณ์ ได้จากเว็บไซต์ http://www.osstransformation.com/improve-your-time-to-market.aspx

? อัพเดทข่าวสารของแอมด็อคส์ ได้ที่เว็บไซต์บริษัทโดยคลิกที่นี่ website

? สมัครเข้าร่วม RSS Feed ของแอมด็อคส์และติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้บน Twitter, Facebook และ LinkedIn

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ ฤทัยวรรณ ศิลปาจารย์ และภาวัช อนุวงศ์ เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2343-6000 ต่อ 067 หรือ 062 อีเมล์ [email protected] หรือ [email protected]

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit