กรมธุรกิจพลังงานแถลงสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนพฤษภาคม 54 และยอดการใช้พลังงานภาพรวม 5 เดือนแรกของปี

กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--กรมธุรกิจพลังงาน

กรมธุรกิจพลังงานแถลงสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนพฤษภาคม 54 และยอดการใช้พลังงานภาพรวม 5 เดือนแรกของปี เผยกรมฯเตรียมเดินเครื่องเปิดตัวน้ำมันยูโร 4 ขายนำร่องที่ระยอง พร้อมชูกฎหมายใหม่ดูแลความปลอดภัยสถานที่ใช้ก๊าซแอลพีจี นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึง สถานการณ์การใช้น้ำมันในภาพรวมเดือนพฤษภาคม 2554ที่ผ่านมา มีปริมาณลดลงจากเดือนเมษายน 2554 โดยการใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินปรับลดลง 3% จาก 20.6 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 20.0 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากสถานการณ์การใช้รถยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับย่างเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การเดินทางลดลง ส่วนการใช้น้ำมันในกลุ่มดีเซลหมุนเร็วอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ที่ 55.3 ล้านลิตร/วัน สำหรับ LPG มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 544,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน ลดลง 2% โดยลดลงในส่วนของครัวเรือนและปิโตรเคมี แต่การใช้ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก LPG มีราคาถูกกว่าน้ำมัน เช่นเดียวกับ NGV มีการใช้เพิ่มขึ้น 10% จาก 6.0 ล้านกิโลกรัม/วัน มาอยู่ที่ 6.6 ล้านกิโลกรัม/วัน โดย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมมีรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ NGV ทั้งหมด 259,560 คัน การใช้กลุ่มน้ำมันเบนซินแบ่งเป็นการใช้น้ำมันเบนซิน 91 และ 95 รวมอยู่ที่ 7.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2.8% และการใช้แก๊สโซฮอล์รวมอยู่ที่ 12.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 3.2% โดยการใช้ลดลงทุกชนิด ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี85 ที่เพิ่มจาก 0.017 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.023 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายทางด้านราคา โดยราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ อี 10 และ อี 20 ประมาณ 12-15 บาท/ลิตร ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เป็นการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี 3) 54.6 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาคอุตสาหกรรม มีการผลิตสินค้ามากขึ้นหลังจากหยุดดำเนินการในช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และผลผลิตอ้อยมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทำให้เดือนพฤษภาคมยังคงมีการหีบอ้อยและมีการใช้รถบรรทุกเพื่อขนส่งสินค้าดังกล่าว นอกจากนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้ดีเซล ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ระดับ 29.99 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทำให้มีประชาชนเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปัจจุบันมีรถยนต์ดีเซลที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกมากกว่า 7 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 3% และเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 เพิ่มขึ้นเกือบ 10% สำหรับการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในเดือนพฤษภาคมนี้ มีเพียงน้ำมันบี 3 เกรดเดียว และอาจมีการพิจารณาปรับสัดส่วนการผสม บี 100 เพิ่มขึ้นเป็น 4%-5% ตามความเหมาะสม โดยการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดเดียวจะทำให้สถานีบริการมีหัวจ่ายน้ำมันเหลือ สามารถนำไปปรับขายแก๊สโซฮอล์ โดยเฉพาะ อี 20 และ อี 85 ได้ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเติมน้ำมันและอาจเปลี่ยนมาใช้น้ำมันชนิดดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ด้านการใช้ LPG ในเดือนพฤษภาคม 2554 อยู่ที่ 544,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน ลดลง 2% โดยแบ่งเป็น การใช้ในภาคปิโตรเคมี 182,000 ตัน/เดือน หรือ 5,900 ตัน/วัน ลดลง 10% และภาคครัวเรือน 218,000 ตัน/เดือน หรือ 7,000 ตัน/วัน ลดลง 1% ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม 68,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 9% และภาคขนส่ง 76,000 ตัน/เดือน หรือ 2,500 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 5% โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีรถยนต์ที่สามารถใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 50,000 คัน ทำให้ปัจจุบันในประเทศมีรถยนต์ LPG มากกว่า 700,000 คัน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมมีการนำเข้า LPG 116,000 ตัน โดยกองทุนจ่ายชดเชยประมาณ 2,500 ล้านบาท ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปริมาณรวมทั้งหมด 944,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3% ในขณะที่มูลค่านำเข้ารวมอยู่ที่ 103,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 898,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 99,600 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 45,000 บาร์เรล/วัน มูลค่านำเข้า 3,800 ล้านบาท ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 185,000 บาร์เรล/วัน เป็นมูลค่าส่งออก 21,000 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งออกลดลง 5% แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 0.6% การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5 เดือนแรกของปี 2554 เปรียบเทียบกับปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 กับช่วงเดียวกันของปี 2553 พบว่า การใช้น้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 2% จาก 20.0 ล้านลิตร/วัน เป็น 20.4 ล้านลิตร/วัน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เพิ่มขึ้น 3% จาก 52.6 ล้านลิตร/วัน เป็น 54.3 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่การใช้ NGV จาก 4.6 ล้านกิโลกรัม/วัน เป็น 6.2 ล้านกิโลกรัม/วัน เพิ่มขึ้น 35% ทั้งนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและรัฐบาลยังคงตรึงราคา NGV อยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ทำให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ NGV เพิ่มขึ้น ส่วนการใช้ LPG รวมอยู่ที่ 532,000 ตัน/เดือน หรือ 17,600 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 24% ทั้งนี้เป็นการใช้ในภาคปิโตรเคมี 184,000 ตัน/เดือน หรือ 6,100 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 56% การใช้ในภาคขนส่ง 69,000 ตัน/เดือน หรือ 2,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 27% ภาคครัวเรือน 214,000 ตัน/เดือน หรือ 7,100 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 10% และภาคอุตสาหกรรม 65,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 5% สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ที่ 856,000 บาร์เรล/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.4% ในขณะที่มูลค่านำเข้า 422,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% ทั้งนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 810,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 403,000 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูป 46,000 บาร์เรล/วัน มูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยปริมาณนำเข้าที่ลดลงเป็นผลจากปริมาณนำเข้า LPG ลดลง 22% อยู่ที่ 102,000 ตัน/เดือน มูลค่า 15,000 ล้านบาท ลดลง 10% เนื่องจากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ของปตท.เดินเครื่องเต็มที่ และโรงกลั่นได้นำ LPG ออกมาจำหน่ายเพิ่มมากประมาณ 40,000 ตัน/เดือน ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 153,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 8% มูลค่า 79,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% การคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ นายวีระพล ยังกล่าวถึงราคาน้ำมันดิบว่า EIA (U.S. Energy Information Administration) ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ที่ระดับ 104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ Goldman Sachs ได้ปรับราคาคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2554 จาก 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ Morgan Stanley ปรับจาก 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จึงอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายของตนเองและลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่โรงกลั่นบางแห่งจะมีการปิดปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อรองรับน้ำมันยูโร 4 ตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงานซึ่งกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้ เพื่อลดมลพิษที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียของยานพาหนะซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ธพ.ร่วมมือผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันยูโร 4 ในจังหวัดระยองก่อนกฎหมายกำหนด อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงาน ได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมัน 7 ราย ได้แก่ ซัสโก้ น้ำมันไออาร์พีซี บางจาก ปตท. ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก ปิโตรนาส และภาคใต้เชื้อเพลิง เพื่อเตรียมนำน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์มาตรฐานยูโร 4 มาจำหน่ายในเขตจังหวัดระยอง ก่อนเวลาที่กฎหมายกำหนดบังคับใช้ในปี 2555 เพื่อช่วยแก้ไขปัญหามลพิษ กรมธุรกิจพลังงาน ได้มีการออกกฎหมายการบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 ซึ่งเป็นน้ำมันสะอาดที่มีคุณภาพเข้มงวดขึ้น โดยได้มีการกำหนดเป็นการล่วงหน้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์จะต้องมีคุณภาพเป็นมาตรฐานยูโร 4 แต่เนื่องจากพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และบริเวณใกล้เคียงประสบปัญหาด้านมลพิษ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจกลังงาน ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ และ ไออาร์พีซี ผลิตน้ำมันเบนซินออกเทน 91และน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 91 มาตรฐานยูโร 4 ให้กับผู้ค้าน้ำมันที่มีความพร้อม จำนวน 7 ราย นำไปจำหน่ายในสถานีบริการในจังหวัดระยอง 15 แห่ง การนำน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์มาตรฐานยูโร 4 มาจำหน่ายในเขตจังหวัดระยองก่อนกฎหมายกำหนด จะเป็นการช่วยลดมลพิษที่ปล่อยสู่อากาศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน และถือเป็นโครงการนำร่องเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงานออกกฎหมายควบคุมความปลอดภัยสถานที่ใช้ก๊าซ LPG อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยสถานที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงาน ได้ออกประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการเก็บรักษา การกำหนดบุคลากรที่รับผิดชอบ และการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 สำหรับสถานที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่กรมธุรกิจพลังงานรับผิดชอบ พ.ศ.2554 โดยได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป สำหรับกฎหมายฉบับนี้ มุ่งเน้นในการการกำกับดูแลสถานที่ใช้ก๊าซ LPG อาทิ โรงงาน โรงแรม ฯลฯ เพื่อให้มีการใช้พลังงานเป็นไปตามประเภทของเชื้อเพลิงอย่างถูกต้อง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการแยกการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคอุตสาหกรรม ออกจากภาคครัวเรือนและภาคขนส่งอย่างเป็นรูปธรรม และไม่ส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) “เนื้อหาหลัก ๆ ของกฎหมายนี้ มีการกำหนดสถานที่ใช้ก๊าซ LPG การใช้ภาชนะให้สอดคล้องการเก็บรักษาวัตถุอันตราย และมาตรฐานความปลอดภัยให้เป็นไปตามหลักสากล ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสถานที่ใช้ก๊าซ LPG ให้มีความปลอดภัย ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและประชาชนที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น สรุปสาระสำคัญ คือ ผู้ครอบครอง LPG เกิน 250 กิโลกรัม ต้องแจ้งข้อเท็จจริงการครอบครอง และหากครอบครอง LPG เกิน 500 กิโลกรัม ต้องขออนุญาตและต้องมีบุคลากรเฉพาะดูแล อย่างน้อย 1 คน และหากครอบครอง LPG เกิน 1,000 กิโลกรัม ต้องเก็บในถังเก็บและจ่ายก๊าซ ซึ่งทั้งการแจ้งข้อเท็จจริงหรือยื่นขอใบอนุญาตครอบครอง LPG ต้องดำเนินการ ภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศฯ มีผลใช้บังคับที่กรมธุรกิจพลังงาน หรือจังหวัดที่สถานที่ใช้ก๊าซนั้นๆตั้งอยู่” นายวีระพล กล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักความปลอดภัยธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว กรมธุรกิจพลังงาน โทรศัพท์ 0 2794 4811

ข่าวนายวีระพล จิรประดิษฐกุล+วีระพล จิรประดิษฐกุลวันนี้

กกพ. ตรึงค่าเอฟที ที่ -15.90 สต.ต่อหน่วย ถึง ส.ค. 61

กกพ.ประกาศตรึงค่าเอฟทีงวด พ.ค. – ส.ค. 2561 ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับงวด ม.ค. – เม.ย. 2561 ท่ามกลางแนวโน้มราคาก๊าซขาขึ้น นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 2561 ค่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และถ่านหิน มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงถึง 12.51 บาทต่อล้านบีทียู และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเอฟทีในส่วนของเชื้อเพลิงสูงขึ้น 3.77 สตางค์ต่อหน่วย แต่

กกพ. ตรึงค่าเอฟทีถึง เม.ย. 61

กกพ.ประกาศตรึงค่าเอฟทีงวด ม.ค. – เม.ย. 2561 เท่ากับงวด ก.ย. – ธ.ค. 2560 ในปัจจุบัน อยู่ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย ท่ามกลางแนวโน้มราคาก๊าซขาขึ้น นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2561 ค่าเชื้อ...

สำนักงาน กกพ. จัดงานแถลงข่าว “การพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือนมกราคม – เมษายน 2561”

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วม งานแถลงข่าว "การพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือนมกราคม – เมษายน 2561" ในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เวลา 10.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม 3...

กกพ. ย้ำหลักการตามนโยบายการกำหนดโครงสร้างค่าฟ้าฟ้าใหม่ ปี 61

"กกพ."ย้ำชัด "ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่" รอบล่าสุด ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา เพื่อดูผลกระทบให้รอบด้านอย่างสมดุล พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนก่อนประกาศใช้ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า...

กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงประกาศ SPP Hybrid Firm ตามมติ กบง.

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับการรับซื้อไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคให้มีความชัดเจนขึ้น และเพื่อให้การรับซื้อไฟฟ้าในโครงการ SPP Hybrid Firm ครบ...

"กกพ." เดินหน้าจับสลากโซลาร์ฟาร์ม เน้น "โ... กกพ. ดีเดย์จับสลากโซลาร์ฟาร์มวันนี้ — "กกพ." เดินหน้าจับสลากโซลาร์ฟาร์ม เน้น "โปร่งใส ตรวจสอบได้" ต่อหน้าสักขีพยาน จากผู้ผ่านคุณสมบัติรอบแรก จำนวน636 ราย...

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจกา... ภาพข่าว: กกพ. จัดแถลงข่าว การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560 — นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ซ้าย) ...

การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560 13.30 น. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นประธานงานแถลงข่าวการจัดการ "ประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560" ภายใต้หัวข้อเรื่อง "Towards Smart...

สำนักงาน กกพ. จัดการ “ประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560”

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560 13.30 น. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นประธานงานแถลงข่าวการจัดการ "ประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560" ภายใต้หัวข้อเรื่อง ...