มท. 1 เรียกประชุม 13 จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯ รับมือน้ำท่วม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 13 จังหวัดภาคกลาง และกรุงเทพฯ เตรียมการรับมือภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน โดยเน้นย้ำจังหวัดประสานข้อมูลจากชลประทานจังหวัด และสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดในพื้นที่อย่างใกล้ชิด จะได้แจ้งเตือนภัยได้อย่างทันท่วงที ด้านอธิบดี ปภ. รับเป็นศูนย์กลางหลัก ในการระดมสรรพกำลัง และทรัพยากรสนับสนุนจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมเตือนประชาชนริมน้ำเตรียมรับมือภาวะน้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง ว่า ยังต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะในระยะนี้จะมีน้ำเหนือปริมาณมากไหลบ่าลงมา ประกอบกับการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงระหว่างวันที่ 24 – 27 ตุลาคม นี้ และจากการติดตามการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงนี้จะมีฝนตกในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นการเตรียมการรับมือสถานการณ์อุทกภัย กระทรวงมหาดไทย จึงได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 13 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพฯ ผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา ผู้แทนกรมชลประทาน เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มภาคกลางตอนล่าง โดยได้เน้นย้ำให้จังหวัดจัดประชุมสรุปสถานการณ์อุทกภัยเป็นประจำทุกวัน โดยประสานกับชลประทานจังหวัด และสถานีอุตุนิยมวิทยาในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ประเมินและคาดการณ์สถานการณ์ภัยได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ทำให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เครือข่ายป้องกันภัยในพื้นที่ เป็นกำลังหลักในการกระจายข้อมูลข่าวสารแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนรับทราบผ่านทุกช่องทางสื่อ ในพื้นที่ สำหรับพื้นที่เสี่ยงที่มักเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน ให้จังหวัดกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาภาวะน้ำล้นตลิ่ง โดยเสริมกระสอบทรายเป็นแนวคันกั้นน้ำตลอดแนวแม่น้ำ จัดเตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็น เพื่อรองรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันเหตุการณ์ หากพื้นที่ใดสถานการณ์อุทกภัยรุนแรง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนวยการและกำกับดูแลการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง พร้อมรายงานสถานการณ์ภัย ให้กระทรวง มหาดไทยทราบ จะได้ระดมทรัพยากรและกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงาน รวมถึงให้วางแผนจัดเตรียมเส้นทางสำรองสำหรับการสัญจรของประชาชน กรณีเส้นทางหลักถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถใช้การได้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะประสานงานกับจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นศูนย์กลางหลักในการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สนับสนุนสรรพกำลัง และทรัพยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ท้ายนี้ ขอฝากประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ติดตามรับฟังพยากรณ์อากาศ ระดับน้ำขึ้น - ลง และระดับน้ำทะเลหนุนอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศแจ้งเตือนภัย ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือมาได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

• ข่าวชวรัตน์ ชาญวีรกูล
• ข่าวแม่น้ำเจ้าพระยา
• ข่าวกระทรวงมหาดไทย
• ข่าวน้ำท่วมฉับพลัน
• ข่าวน้ำล้นตลิ่ง