บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นำหุ้นสามัญเพิ่มทุน ภายใต้ชื่อย่อใหม่ “BTS” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ วันแรก 11 พฤษภาคม ศกนี้

11 May 2010

กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--เวิรฟ

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน)) นำหุ้นสามัญเพิ่มทุนประมาณ 28,166.88 ล้านหุ้น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้หมวด “ขนส่งและโลจิสติกส์” กลุ่มอุตสาหรรมบริการ วันแรก 11 พฤษภาคม ศกนี้ ภายใต้ชื่อย่อใหม่ “BTS”

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) เปิดเผยว่า “จากการดำเนินการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (“BTSC”) จำนวนรวมประมาณ 15,022.33 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.665 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนร้อยละ 94.60 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบีทีเอส คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 40,034.53 ล้านบาท บริษัทฯ ได้ชำระค่าตอบแทนดังกล่าวเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 20,655.71 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ อีกประมาณ 28,166.88 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 0.688 บาท คิดเป็นมูลค่า 19,378.81 ล้านบาท เพื่อชำระค่าหุ้นในส่วนที่เหลือ โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกในวันที่ 11 พฤษภาคม 2553 พร้อมกับที่บริษัทฯ จะได้เปลี่ยนชื่อย่อ เป็น “BTS” และ เปลี่ยนหมวดเป็น “ขนส่งและโลจิสติกส์” กลุ่มอุตสาหรรมบริการ”

“จากการเข้าซื้อกิจการ BTSC บริษัทฯและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินธุรกิจการให้บริการรถไฟฟ้าของ “BTSC” ซึ่งมีความมั่นคงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) และสภาพคล่องของหุ้นที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น พร้อมสร้างความน่าสนใจในการลงทุนให้แก่ กลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะได้รับประโยชน์จากการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกัน โดยการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ “BTSC” และประสบการณ์ในการพัฒนาและบริหารโครงการของบริษัทฯ “

“หลังการเข้าซื้อกิจการ BTSC บริษัทฯ สามารถแบ่งหมวดการดำเนินธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจดำเนินการระบบขนส่งมวลชน ภายใต้การดำเนินงานและบริหารของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ “BTSC” อาทิ การให้บริการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และ BRT, (2) กลุ่มธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะดำเนินการร่วมกันระหว่าง BTSC และบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม อาคารชุดเพื่อการพักอาศัย โรงแรม ฯลฯ ทั้งที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าหรือแนวทางเดินรถไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและส่วนเส้นทางเชื่อมต่อในอนาคต รวมถึงที่ห่างจากแนวทางเดินรถไฟฟ้า (3) กลุ่มธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา ดำเนินการภายใต้การบริหารงานของ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด (VGI) โดยบริหารจัดการด้านการตลาดเกี่ยวกับพื้นที่โฆษณา ทั้งภายในและพื้นที่รอบนอกขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ร้านค้าและโฆษณาในบริเวณสถานีรถไฟฟ้า และพื้นที่การโฆษณาในร้านค้าปลีกชั้นนำขนาดใหญ่ต่างๆ หรือโมเดิร์นเทรด และ (4) ธุรกิจให้บริการ เช่น สมาร์ทการ์ด ซึ่งดำเนินการภายใต้การบริหารงานของ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิทเทม จำกัด (มหาชน) (BSS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการดูแลเกี่ยวกับระบบบัตรโดยสารร่วม ธุรกิจบริหารโรงแรม และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง”

“จากโครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพ และประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯมากขึ้น รวมทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่” นายคีรี กล่าวสรุป

ทั้งนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนประมาณ 20,446 ล้านหุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือ (Rights Offering) ในอัตราส่วน 7 หุ้นเดิม ต่อ 4 หุ้นใหม่ และสามารถจองเกินสิธิได้ โดยเสนอขายที่ราคา 0.63 บาทต่อหุ้น และมีระยะเวลาจองซื้อระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 7 มิถุนายน 2553 (เฉพาะวันทำการ) ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทฯ จะทำการจัดสรรหุ้นที่เหลือโดยเสนอขายแก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ซึ่งหากมีการจองซื้อเต็มจำนวน บริษัทฯ จะได้รับเงินเพิ่มทุนเป็นจำนวนเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้บางส่วน ซึ่ง บริษัทฯ ได้กู้ยืมเพื่อสำหรับการชำระค่าหุ้น BTSC ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม นอกจากนั้น เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนและเป็นการจูงใจในการจองซื้อหุ้น บริษัทฯ จะดำเนินการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) โดยไม่คิดมูลค่า ให้แก่ผู้ลงทุนทุกรายที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าว ในอัตราส่วน 4 หุ้นเพิ่มทุนที่จองซื้อ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี สามารถเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกได้เมื่อครบ 2 ปี นับจากวันที่ออก มีราคาใช้สิทธิที่ 0.70 บาท ต่อหุ้น ทั้งนี้ นายคีรี และนายกวิน กาญจนพาสน์ ได้แสดงความประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ: เวิรฟ

พรรณราย ทวีโชติกิจเจริญ โทร. 0-2204-8212

ประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน โทร. 0-2204-8216

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net