ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องกว่า 3 เหรียญฯ ดูไบทำสถิติสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง จำเป็นต้องปรับขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิด 60 สตางค์ (เว้น E85)

นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกพบว่าราคายังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะหลายเดือนข้างหน้า และผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2552 ของบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ส่วนมาก ออกมาดีเกินคาด รวมถึงบริษัทที่อยู่ในภาคเทคโนโลยี เช่น Yahoo!, SanDisk, Apple แสดงถึงอัตราการบริโภคใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันเข้าซื้อใน Risky assets มากขึ้น ประกอบกับ Goldman Sachs คาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์/ยูโร ในระยะเวลา 6 เดือน และ Asian Development Bank (ADB) คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียปี 2552 อยู่ที่ 3.9% และเติบโตที่ 6.4% ในปี 2553 ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ปัจจัยดังกล่าวผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยวันนี้ (21 ต.ค.52) ราคาน้ำมันดิบดูไบพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง อยู่ที่ระดับ 76.33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 2.93 เหรียญฯ) ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซินขึ้นมาอยู่ที่ 80.72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.62 เหรียญฯ) และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 83.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.10 เหรียญฯ) ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศ และค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำมากเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ 57 สตางค์/ลิตร ปตท. จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ขึ้น 60 สตางค์/ลิตร (เว้นแก๊สโซฮอล์ E85) ส่งผลให้ราคาขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.52) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ราคาเป็นดังนี้ หน่วย : บาท/ ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 18.72 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 28.84 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 31.14 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 30.34 น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 34.74 น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 26.19 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 27.59 นายวิทยา กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาน้ำมันคือปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุนที่มีต่อมุมมองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานจำนวนใบขออนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่เดือน ก.ย.52 เพิ่มขึ้น 0.5% นอกจากนี้ Mastercard Advisors ยังประเมินความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค.52 เพิ่มขึ้น 3.7% หรือ 333,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.34 ล้านบาร์เรล ซึ่งสัญญาณของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อการปรับราคาน้ำมันให้สูงขึ้นได้ จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้พลังงานอย่างประหยัดที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท. โทรศัพท์ 0 2537 2538, 2568

• ข่าววิทยา หวังจิตรารักษ์
• ข่าวสถานการณ์ราคาน้ำมัน
• ข่าวผลประกอบการไตรมาส
• ข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ
• ข่าวธนาคารกลางสหรัฐ