ทิสโก้โชว์ผลประกอบการปี 52 โดดเด่น ทั้งสินเชื่อและกำไรมีการขยายตัวสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว ชี้ปีเสือยังมุ่งมั่นขยายธุรกิจต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน พร้อมลุยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างมืออาชีพ
นายปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2552 กลุ่มทิสโก้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ อีกทั้งได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ไพรมัส ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ฟอร์ด มาสด้า และวอลโว่ มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 7,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่มทิสโก้ ยังได้เข้าซื้อลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทจีเอ็มเอซี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 1,750 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 และกลุ่มทิสโก้ยังได้ลงนามในข้อตกลงทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ แก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floor Plan) ในเครือฟอร์ด มาสด้า วอลโว่ และเชฟโรเลต ทั่วประเทศอีกด้วย
“การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในปี 2553 นี้ นับว่าเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากความไม่แน่นอนในด้านเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความคล่องตัวขององค์กรและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ทำให้เชื่อว่าธุรกิจของทิสโก้จะยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อเป็นตัวหลัก ส่วนการเข้าซื้อกิจการนั้นยังคงเปิดกว้างตามความเหมาะสม”
ด้านนางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2552 ของกลุ่มทิสโก้ ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,004.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,714.14 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิมีจํานวน 5,980.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,819.27 ล้านบาท หรือ 43.7% จากปีก่อน และมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก จำนวน 2,863.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจำนวน 506.58 ล้านบาท หรือ 21.5% ขณะที่กำไรสุทธิของไตรมาส 4/2552 อยู่ที่ 520 ล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มทิสโก้สามารถเพิ่มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อจาก 3.7% เป็น 5.0% เมื่อเทียบกับปี 2551 จากความสามารถในการปรับสัดส่วนของสินทรัพย์และหนี้สิน ให้สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ย โดยกลุ่มทิสโก้มีกลยุทธ์ในการขยายตัวในธุรกิจสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง ภายใต้การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ในขณะที่ต้นทุนเงินทุนลดลงตามภาวะอัตราดอกเบี้ยของตลาดและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อย
เงินให้สินเชื่อของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นปี 2552 มีจำนวน 113,232.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10,123.27 ล้านบาท หรือ 9.8% จากสิ้นปี 2551 ตามการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อย โดยเมื่อรวมสินเชื่อที่บันทึกเป็นเงินลงทุนแล้ว เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2551 ทั้งนี้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อของทั้งกลุ่ม แบ่งออกเป็น สินเชื่อรายย่อย 77.8% สินเชื่อธุรกิจ 17.1% และสินเชื่ออื่นๆ 5.1%
สินเชื่อรายย่อยประกอบด้วย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์และอื่นๆ 98.3% และสินเชื่อเพื่อการเคหะ 1.7% โดยมูลค่าของสินเชื่อเช่าซื้อ มีจํานวน 86,632.18 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9,345.07 ล้านบาท หรือ 12.1 เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่อนุมัติใหม่ในปี 2552 มีจำนวน 41,975.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 526.27 ล้านบาท หรือ 1.3% เมื่อเทียบกับปี 2551 ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศงวด 11 เดือนแรกของปี 2552 อยู่ที่ 476,787คัน ลดลง 14.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 555,078 คัน ส่งผลให้อัตราปริมาณการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ของกลุ่มทิสโก้ต่อปริมาณการจําหน่ายรถยนต์ใหม่เฉลี่ย(Penetration Rate) ใน 11 เดือนแรกของปี 2552 อยู่ที่ 12.2% ซึ่งยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2551 ที่ 10.2%
เงินฝากรวมมีจำนวน 110,507.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,916.38 ล้านบาท หรือ 9.9% จากสิ้นปี 2551 ตามการขยายตัวของฐานเงินฝากออมทรัพย์และเผื่อเรียกเป็นผลจากการที่ ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากในรูปแบบที่หลากหลายโดยสัดส่วนเงินฝากประเภทเงินฝากออมทรัพย์และเผื่อเรียกต่อยอดเงินฝากอยู่ที่ระดับเดียวกับไตรมาสที่แล้ว คิดเป็น 22.9% เทียบกับ 11.5% ณ สิ้นปี 2551
กลุ่มทิสโก้ใช้วิธีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ตามหลักเกณฑ์ Basel II ด้วยวิธี Collective Approach ซึ่งจะตั้งสำรองตามประมาณค่าความสูญเสียที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 12 เดือนข้างหน้า (Expected Loss) จากพอร์ตสนเชื่อดังกล่าว โดยกลุ่มทิสโก้จะต้องตั้งสำรองเป็นจำนวน 1,082.62 ล้านบาท คิดเป็น 1.0% ของสินเชื่อทั้งหมดซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปี 2551 อันเนื่องมาจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากระดับ NPL ที่ปรับตัวลดลงจาก 2.9% เป็น 2.5% ในขณะที่ผลขาดทุนจากการขายรถยึดก็ลดลงตามการคลี่คลายของภาวะราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในภาวะฟื้นตัว และยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการเช่น ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย ที่ยังคงมีความผันผวน กลุ่มทิสโก้จึงได้ตัดสินใจที่จะตั้งสำรองทั่วไปเพิ่มขึ้นอีก 461.26 ล้านบาทในปี 2552 ทำให้มีสำรองส่วนเกิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 727.85 ล้านบาท เพื่อรองรับกับความผันผวนของปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2552 ธนาคารทิสโก้ได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในด้านของเงินฝาก ซึ่งได้ทำการนำเสนอผลิตภัณฑ์ “บัญชีเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์” ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 1.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งยังได้ทำการขยายวงเงินรับฝากจากเดิมไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น ไม่เกิน 10 ล้านบาท ทำให้ผู้ฝากเงินมีทางเลือกในการออมที่ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ตลอดปี 2552 ธนาคารทิสโก้ได้เปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 9 สาขา และมีสาขารวมทั้งหมด 42 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าและเพิ่มปริมาณธุรกิจในการระดมเงินฝากและการปล่อยสินเชื่อให้แข็งแกร่งขึ้น และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของธนาคารที่เพิ่มขึ้น
“สำหรับการดำเนินงานในปี 2553 นี้ ทางธนาคารทิสโก้จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน และจากการเพิ่มสายงาน Wealth Management ในช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้ในปีนี้เราจะมุ่งเน้นการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ที่จะคอยให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในทุก ๆ ด้านอย่างเต็มตัว โดยได้มีการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญไว้คอยบริการในทุกสาขาของธนาคารทิสโก้แล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่อง TISCO ETM (e-Money ATM) อีกกว่า 100 เครื่อง กระจายทั่วประเทศ เพื่อรองรับการทำธุรกรรมของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เสาวนีย์ สันทบ, ชลิตา ตันตยานนท์
ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โทร. 02 633 6906, 6909
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มทิสโก้ ขึ้นรับรางวัลเกียรติคุณ Best CEO Award ในฐานะผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลและมอบรางวัล SET Awards ประจำปี 2567 จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร พร้อมนำองค์กรเข้ารับอีก 3 รางวัลทรงเกียรติ ได้แก่ รางวัลบริษัทที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Best Company Performance Awards) และ รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น (Outstanding Investor Relations Awards)
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) ได้รับการจัดอันดับโดยวารสารการเงินการธนาคาร ให้เป็นบริษัทยอดเยี่ยมอันดับที่ 7 จาก 300 บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2562 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 13 ในปีก่อนหน้า พร้อมทั้งครองตำแหน่งบริษัทยอด...