กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--World Expo 2010
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วกับรูปแบบของอาคารศาลาไทย (Thailand Pavilion) ที่แสดงความเป็นไทยผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัย ในงาน World Exposition Shanghai China 2010 งานแสดงนิทรรศการระดับนานาชาติ ซึ่งจะจัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 ตุลาคม 2553 รวมระยะเวลา 184 วัน (6 เดือน) ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงานครั้งนี้ คือ “Better City , Better life : เมืองที่ดีกว่า ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนถึงข้อตระหนักที่เกี่ยวกับการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ รวมทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืนในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีเมืองที่ดีกว่าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ดำเนินการจัดโดย Bureau of International Exhibition หรือ BIE ซึ่งถือเป็นองค์กรระหว่างประเทศ มีหน้าที่บริหารจัดการครั้งนี้ โดยรัฐบาลไทยมอบหมายให้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการระดับโลก
การเข้าร่วมงาน World Exposition Shanghai China 2010 ของประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความเป็นไทยให้กับนานาประเทศ ได้รับทราบตลอดจนยังเป็นการนำเสนอ และประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม นวัตกรรม และศักยภาพในด้านต่างๆ ของไทยสู่เวทีโลก ซึ่งงานดังกล่าวมีประเทศเข้าร่วมแสดงงานกว่า 230 ราย
สำหรับแนวคิดการเข้าร่วมงานมหกรรมนิทรรศการของประเทศไทยในครั้งนี้ นำเสนอในหัวข้อ “ความเป็นไทย: วิถีแห่งความยั่งยืนของชีวิต” หรือ “Thainess: Sustainable Ways of Life” โดยการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมของอาคารศาลาไทย นำเสนอในรูปแบบ “ประเทศไทย” และ“ความเป็นไทย” ให้นานาประเทศได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ในฐานะประเทศที่มีเอกลักษณ์ ศิลปะ และวัฒนธรรมอันโดดเด่น ด้วยแนวคิด “Thai Perspective” ซึ่งเป็นการหยิบยกเอาสถาปัตยกรรม และศิลปะของไทยมาผสมผสานจัดวางในการก่อสร้างอาคารศาลาไทย เพื่อให้ผู้เข้าชมงานสามารถสัมผัสความงดงามแบบไทย มีความเข้าใจถึงความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตของคนไทย ผ่านการห้องจัดแสดงนิทรรศการ และจัดการแสดงทางวัฒนธรรม บนพื้นที่ดินขนาด 3,267.9 ตารางเมตร หรือ 2 ไร่เศษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือความคืบการจัดงานได้ที่ http://www.thailandexpo2010.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit