ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย ไตรมาส 4/2551 บจ. ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.1

27 Mar 2009

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ตลท.

สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานข้อมูลการลงทุน การระดมทุน และประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่าน SET Note Corporate Update ฉบับไตรมาส 1/2552 พบว่าการลงทุนในไตรมาส 4/2551 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่รวมกลุ่มการเงินและกลุ่ม NPG มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสุทธิ 1.25 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.1 ด้านการระดมทุนในไตรมาส 4/2551 เป็นการระดมทุนผ่านตลาดรองทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวม 220 ล้านบาท

การลงทุนในไตรมาส 4/2551 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่รวมกลุ่มการเงินและกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG (Non-Performing Group) มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสุทธิ 1.25 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 โดยอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมากที่สุดคือ กลุ่มทรัพยากร มีระดับการลงทุนอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.7 รองลงมาคือ กลุ่มบริการ มีระดับการลงทุนอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.5

ด้านการระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุนทั้งตลาดแรกและตลาดรอง ในไตรมาส 4/2551 พบว่ามีมูลค่าระดมทุนรวม 220 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการระดมทุนผ่านตลาดรอง ไม่มีการระดมทุนในตลาดแรก (Initial Public Offering: IPO) ซึ่งในไตรมาสนี้การระดมทุนในตลาดรองส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนในประเภทการขายหุ้นแบบเจาะจง (Private Placement: PP) โดยมีมูลค่าระดมทุน 153 ล้านบาท รองลงมาเป็นการระดมทุนที่เกิดจากการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ (Capital Raised from Warrant Exercising: XE) มีมูลค่าระดมทุน 54 ล้านบาท และการระดมทุนที่เกิดจากการผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ (Capital Raised from Existing Shareholders: XR) มีมูลค่าระดมทุน 12 ล้านบาท

ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานในไตรมาส 4/2551 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน พบว่า อัตราผลตอบแทนจากทุนที่ใช้ (Return On Capital Employed: ROCE) ลดลงจากร้อยละ 3.3 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ -2.2 ส่วนอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return On Equity: ROE) ลดลงจากร้อยละ 3.1 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ -4.2 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ดีที่สุดคือ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร อยู่ในระดับร้อยละ 0.8 ส่วนอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ลดลงจากเดิมร้อยละ 6.8 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ -8.2

เมื่อพิจารณาสภาพคล่องของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2551 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีเงินสดรับสุทธิ 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกิดจากเงินสดรับจากกิจกรรมการดำเนินงานและจัดหาเงินรวม 2.3 แสนล้านบาท มากกว่าเงินสดจ่ายจากการลงทุน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch.html

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 – 2036 /

กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229 – 2048 วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-279