NIDA Business School ผนึกสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ผ่ามุมมองเศรษฐกิจไทยท่ามกลางภาวะถดถอย

กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์

NIDA Business School ผนึกสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดทำบทวิจัยรับมือภาวะถดถอย เชื่อวิกฤติการเงินสหรัฐ-ยุโรป ถึงจุดต่ำสุดในปีหน้า ก่อนจะฟื้นตัวในปี 2553 หลังธนาคารกลางทุกประเทศอัดฉีดเงินเข้าระบบ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน พร้อมแนะแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 0.5-1.0% ขณะที่ SCRI ประเมิน GDP ไทยปี 52 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.3% รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDABusiness School และที่ปรึกษาสถาบันวิจัยนครหลวงไทย เปิดเผยในงานเสวนาภายใต้หัวข้อ Thailand Outlook in Global Recession ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ,โครงการสร้าง “CFO มืออาชีพ” NIDA Business School และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า จากการประเมินปัญหาวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงต่อจากนี้ไป เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงและปัญหาจะไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันในการช่วยแก้ปัญหาวิกฤติการเงินของโลก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ยังคงมีสถาบันการเงินขนาดเล็กอีกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือบางประเทศในเอเชีย ที่ต้องเลิกกิจการ หรือขอเข้ารับการช่วยเหลือจากธนาคารกลางในแต่ละประเทศ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนกลับคืนมา โดยคาดว่า ปัญหาดังกล่าวจะเริ่มถึงจุดต่ำสุดภายในปี 2552 และระบบการเงินของประเทศเหล่านี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในปี 2553 “ในช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการทำธุรกรรมนอกระบบ หรือมีการเข้าไปลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ ที่ไม่แสดงอยู่ในบัญชีปกติ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น นักลงทุนจึงเกิดความตื่นตระหนกต่อวิกฤติในครั้งนี้ เพราะไม่สามารถประเมินได้ว่า มูลค่าความเสียหายจากวิกฤติในครั้งนี้จะลามไปสู่สถาบันการเงินในยุโรป แต่ปัจจุบันมีการเปิดเผยข้อมูลความเสียหายจากวิกฤติการเงินสหรัฐฯ ว่าอยู่ที่ประมาณกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสามารถรองรับมูลค่าความเสียหาย และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้กลับคืนมาได้” รศ.ดร.เอกชัย กล่าว ในส่วนของประเทศไทยนั้น คณบดี NIDA Business School ประเมินว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการค้าการลงทุนของประเทศไทยมากกว่าภาคสถาบันการเงิน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของการส่งออกและปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่จะชะลอตัวลง แต่เชื่อว่า น่าจะมีผลกระทบในระยะสั้น เพราะสินค้าเกษตรเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต จึงเชื่อว่า ราคาสินค้าเกษตรจะกลับมาสู่ภาวะราคาปกติเป็นที่น่าพอใจของเกษตรกรได้ภายในปี 2552 คณบดี NIDA Business School ยังเสนอแนะด้วยว่า รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรเสริมสภาพคล่องในตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอย่างต่ำ 0.5 - 1.0% เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยา ว่าภาครัฐและธปท.ได้เตรียมพร้อมใน การรับมือกับวิกฤติทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังจะต้องเร่งเดินหน้าโครงการ เมกะโปรเจ็คท์เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อให้เงินในระบบเกิดการหมุนเวียน เกิดการจ้างงานและป้องกันปัญหาการว่างงาน ด้าน นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (SCRI) กล่าวว่า ขณะนี้วิกฤติเศรษฐกิจยังไม่ถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด คาดว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกภายในปี 2551 ถึงแม้ว่าวิกฤติสถาบันการเงินมีแนวโน้มผ่านจุดเลวร้ายที่สุด แต่ในส่วนของผลกระทบต่อที่มีต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นคาดว่าจะยังคงมีต่อไป โดยคาดว่าวิกฤติการเงินของโลก ในครั้งนี้มีโอกาสสูงที่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2552 ซึ่งเป็นผลจากการที่ประเทศผู้นำเศรษฐกิจ ได้แก่ สหรัฐฯ กลุ่มประเทศยุโรป และ ญี่ปุ่นที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วในปี 2551 สำหรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกล่าสุดโดย IMF คาดว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2552 จะขยายตัวลดลงจาก 3.9% เหลือ 3% แต่ในความเห็นของ SCRI ประเมินว่า ยังคงมีโอกาสสูงที่ IMF จะปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP ได้อีกในอนาคต และ หาก GDP ของโลกขยายตัวต่ำกว่า 3% ซึ่งตามคำนิยามอย่างไม่เป็นทางการของ IMF คือ ภาวะเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) แล้ว ในส่วนของเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะเศรษฐกิจไทยจะยังคงมีความสามารถในการรับแรงกระแทกจากภายนอกได้พอสมควร เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยประเมินว่า GDP จะลดลงต่ำสุดไม่เกิน 3.3% ในปี 2552 สำหรับผลกระทบของ การถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2551-55 จะอยู่ประมาณ 4-6% โดยจุดต่ำสุดของ GDP อยู่ในปี 2552 ในขณะเดียวกัน คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงปี 2552-55 จะอยู่เฉลี่ยที่ 3% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานมีโอกาสลดลงได้ถึง 3% ในปี 2553 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงของระดับรายได้เฉพาะตัวได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม ค้าปลีก ปิโตรเคมี ยานยนต์ และสิ่งพิมพ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางเม็ดพลาสติกแผงวงจรไฟฟ้า เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าในปี 2552 การนำเข้าจะลดลง 10 % ขณะที่อุตสาหกรรมที่ยังคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก คือ กลุ่มโรงพยาบาล สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนาม NIDA Business School) ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : ฟ้า (0-86884-4458), ขวัญ (0-84045-6595), บุ๋ม (0-89636-8414) สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวเอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์+สถาบันวิจัยนครหลวงไทยวันนี้

ศูนย์พัฒนาธุรกิจตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย งานเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 3/ 2553 หัวข้อ “มาบตาพุด ผลกระทบและโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน”

ศูนย์พัฒนาธุรกิจตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ขอเรียนเชิญท่านหรือผู้แทนเข้าร่วมงานเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 3/ 2553 หัวข้อ “มาบตาพุด ผลกระทบและโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน” ในวันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2553 เวลา 9.30 12.30 น. ณ โถงนิทรรศการ ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามกำหนดการ ดังนี้ 09.30-10.00 น. ลงทะเบียน 10.00-10.30 น. เสวนาวิเคราะห์ “จับตาสถานการณ์เศรษฐกิจ การเงิน และอุตสาหกรรม” โดย รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์

ภาพข่าว: “วิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 53”

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ นิด้า อดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารระดับสูง บ.เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และคุณยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์...

ตลท. ร่วมกับ นิด้า และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดงานแถลงข่าวหลังงานสัมมนา CEO Forum “Thailand Green Competitiveness and Rebranding”

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ขอเชิญท่านหรือผู้แทนเข้าฟังการแถลงข่าวหลังงานสัมมนา CEO Forum “Thailand Green...

ภาพข่าว: ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School (ขวา) และสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (กลาง) ร่วมเสวนาและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงินในหัวข้อ “Crisis Watch Series 10 : ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศ...

เสวนาวิเคราะห์เศรษฐกิจการเงิน “ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศใดสอบผ่านหรือตก”

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch series 10 : “ครบรอบปีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศใดสอบผ่านหรือตก” ร่วมวิเคราะห์เจาะลึกทิศทางของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจ...

ภาพข่าว: การเสวนา Crisis Watch Series 9: August 2009

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย และ รศ.ดร. เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน...

ภาพข่าว: บริษัทใดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้กับนักลงทุน

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School (ขวา) สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (ซ้าย) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Crisis Watch Series 9 : Investment @ Risk Rating Map” และ “บริษัทใดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด...

ภาพข่าว: Crisis Watch จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี NIDA Business School และนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ร่วมเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch Series 8 “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังการล้มละลายของ GM” ซึ่งจัดขึ้น...

ภาพข่าว: เสวนาจับตาอุตฯยานยนต์ไทย หลัง GMล้มละลาย

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ (ขวาสุด) คณบดี NIDA Business School นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน (ที่ 2 จากขวา) รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ คณาสวัสดิ์ (กลาง) รักษาการผู้อำนวยการ สำนักยุทธศาสตร์และนโยบายการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่ง...

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนา : จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลัง GM ล้มละลาย

NIDA Business School ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย จัดเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน Crisis Watch series 8 “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังการล้มละลายของ GM” วิเคราะห์เจาะลึกทิศทางของเศรษฐกิจ...