กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--ก.ไอซีที
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่สหภาพพม่าในเหตุการณ์คลื่นพายุซัดฝั่งที่เกิดมาจากพายุนากีส และส่งผลให้ประชาชนชาวพม่าต้องประสบกับภัยพิบัติรุนแรง ตลอดจนได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมาย ซึ่งแนวโน้มที่จะเกิดภัยธรรมชาติจากสภาวะอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทวีปเอเชียนั้นมีเพิ่มขึ้น สหภาพพม่าจึงได้เสนอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ประเทศไทย ตกลงที่จะมีความร่วมมือระหว่างกันทางวิชาการ ด้านการพยากรณ์อากาศและการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อเป็นการยกระดับเครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างภูมิภาค
“เหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุนากีสที่ผ่านมา ทำให้ประชาคมโลกต่างมองว่าพม่ายังขาดความพร้อมในเรื่องของระบบการแจ้งเตือนภัย สหภาพพม่าจึงขอความร่วมมือมายังประเทศไทยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านวิชาการ ข่าวสารด้านอุตุนิยมวิทยา และระบบเตือนภัย ผ่านทางกระทรวงไอซีทีซึ่งมีเครื่องมือและอุปกรณ์ด้านการเตือนภัยที่มีความทันสมัยที่สุดในภูมิภาคนี้ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความร่วมมือด้านการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติระหว่างประเทศไทยและสหภาพพม่าขึ้นมา โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในคณะกรรมการ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสภาความมั่นคงแห่งชาติ” นายสือ กล่าว
คณะกรรมการพิจารณาความร่วมมือด้านการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติฯ ชุดนี้ จัดตั้งขึ้นเพื่อเสนอแนวทาง นโยบาย มาตรการ เกี่ยวกับความร่วมมือการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติระหว่างประเทศไทยและสหภาพพม่า รวมทั้งศึกษา และติดตามผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อนำมากำหนดความร่วมมือระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประเมินความเสี่ยง และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหา ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ดังกล่าวยังมีหน้าที่พิจารณาข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยาของสหภาพพม่า และกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านอุตุนิยมวิทยาและระบบการ เตือนภัยซึ่งกันและกัน ตลอดจนประสานขอความเห็นและความร่วมมือจากหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและความเห็นที่สอดคล้องกันอีกด้วย
พลโท วิวัฒน์ วิสนุวิมล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ เปิดเผยว่า หากไทยสามารถนำสหภาพพม่าเข้าสู่ระบบอุตุนิยมวิทยาสากลได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับไทย เพราะหากพม่าและประชาคมโลกมีโอกาสได้ทำความเข้าใจ เพื่อลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้พม่าเป็น ที่ยอมรับของนานาชาติมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการลดความกดดันตามชายแดน ทั้งด้านการหลบหนีเข้าเมืองโดย ผิดกฎหมาย การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบกับไทยมาโดยตลอด
“ส่วนข้อเสนอของสหภาพพม่าให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยา และให้คำปรึกษาในเรื่องระบบเตือนภัยนั้น คณะกรรมการฯ จะต้องพิจารณาในรายละเอียดของบันทึกดังกล่าวเสียก่อน โดยจะต้องหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีประเด็นใดที่ขัดต่อกฎหมายของประเทศไทยหรือไม่ และอาจจะพิจารณาเป็นการให้ความร่วมมือโดยที่ไม่ต้องลงนามในบันทึกฯ ก็ได้” พลโท วิวัฒน์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit