กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ เปิดเวทีให้นักศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 17 ประเทศ แข่งขัน mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin 2008 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเงินรางวัลกว่า 8 แสนบาท หวังให้เป็นเวทีสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เรียนรู้วิธีการเขียนแผนธุรกิจเพื่อให้เกิดการร่วมทุน โดยมีธนาคารเกียรตินาคิน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน
ศาสตราจารย์เติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ศศินทร์ฯ ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จัดการแข่งขัน mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin 2008 ซึ่งเป็นการประกวดแผนธุรกิจที่ใช้ภาษาอังกฤษในการแข่งขัน ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเงินรางวัลกว่า 8 แสนบาท โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ระหว่างวันที่ 28 – 29 กุมภาพันธ์ และ 1 มีนาคม ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ
“การแข่งขันประกวดแผนธุรกิจในแต่ละปีมีความเข้มข้นมากขึ้น ทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพของแผนธุรกิจ และตัวแทนจากสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยในปีนี้มีสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกร่วมแข่งขันจำนวน 45 ทีม จาก 17 ประเทศ อาทิ Kellogg School of Management (Northwestern University), University of Chicago Graduate School of Business, London Business School, Haas School of Business, UC Berkeley เป็นต้น โดยแผนธุรกิจที่ส่งเข้าแข่งขันมีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 500,000-7,500,000 เหรียญสหรัฐ ประกอบด้วยธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เวชภัณฑ์และยารักษาโรค อาหารเพื่อสุขภาพ และไอที” ศาสตราจารย์เติมศักดิ์กล่าว
สำหรับทีมที่ผ่านรอบคัดเลือก mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin 2008 มีจำนวน 16 ทีม แบ่งเป็นทีมไทย 5 ทีม และทีมต่างประเทศ 11 ทีม โดยรวมจาก 10 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เดนมาร์ค ฮ่องกง ไอซ์แลนด์ อินเดีย โมร็อกโก สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และไทย
นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานที่ปรึกษา ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากเวทีแข่งขันแผนธุรกิจ mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin นี้ ให้สามารถต่อยอดแผนธุรกิจกับกองทุนเงินร่วมลงทุนของ mai Matching Fund จนเกิดการร่วมลงทุน และเติบโตจนสามารถเข้าจดทะเบียนใน mai ได้ในที่สุด
“แผนธุรกิจที่เข้าประกวดซึ่งเป็นแผนที่มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจและมีศักยภาพต่อการลงทุน จะมีโอกาสและมีความได้เปรียบสูงในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเห็นได้จากทีม Oceanic Inc. ซึ่งเป็นทีมที่ชนะการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว เจ้าของแผนธุรกิจยาสลบปลาที่ใช้ในอุตสากรรมส่งออกปลา ปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมลงทุน ส่วน NTech เป็นทีมที่ร่วมแข่งขันเมื่อปี 2005 ปัจจุบันตั้งบริษัทชื่อ รีนิวอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ดำเนินธุรกิจขายเครื่องจักรเพื่อการผลิตน้ำมันเตาจากขยะและเศษยางที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม”
คุณฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารฯ รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนการแข่งขัน mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin ตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน และมีส่วนช่วยสร้างผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ธนาคารฯ มั่นใจว่า mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยได้แสดงศักยภาพทางธุรกิจของตนเองอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผลของการแข่งขัน ไม่สำคัญเท่ากับ การที่นักศึกษาไทยได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ กับเพื่อนร่วมแข่งขัน จุดประกายความคิดเชิงธุรกิจ อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อันเป็นทุนทางปัญญาของไทยต่อไป ธนาคารเกียรตินาคิน พร้อมเสมอที่จะให้การสนับสนุนโครงการทางด้านการศึกษาที่มีประโยชน์เช่นนี้เพื่อร่วมสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศชาติในอนาคต”
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 นอกจากจะมีการแข่งขัน mai Bangkok Business Challenge? @ Sasin แล้ว ตั้งแต่เวลา 9:30 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีการจัดสัมมนาหัวข้อ Entrepreneurship Forum & Kiatnakin Bank 99-Second Pitch โดย มร.อิริค โรเซนครานส์ และ มร.เยน ลู โชว นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในภูมิภาคเอเชีย เป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการร่วมทุนและนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจ และให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และธุรกิจร่วมทุนด้วย
ผู้สนใจเข้าชมการแข่งขันและร่วมฟังสัมมนา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2218-4001-8 ต่อ 209 และ 210 หรือ www. bbc.in.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit