ครม.ไฟเขียวพาณิชย์ลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น

กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--กระทรวงพาณิชย์

พาณิชย์ลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership: AJCEP) ครอบคลุมการค้าสินค้า บริการ การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ชี้ไทยจะได้รับอานิสงส์จาก AJCEP ทำให้ใช้วัตถุดิบจากประเทศในอาเซียนเป็นส่วนประกอบในการผลิตเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่นได้มากขึ้นจากเดิมภายใต้ JTEPA ส่งผลให้ไทยเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญสำหรับตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าประเทศไทยได้มีการลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น(ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership: AJCEP) แล้ว ในวันที่ 11 เมษายน 2551 หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการลงนามดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา อาเซียนและญี่ปุ่นตกลงกันที่จะเปิดเผยรายละเอียดความตกลงให้ทราบเป็นการทั่วไป หลังจาก ลงนามครบทั้ง 10 ประเทศ หลังจากนั้นแต่ละประเทศสมาชิกจะดำเนินกระบวนการภายในเพื่อแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน สำหรับประเทศไทยจะต้องได้รับความเห็นชอบ จากรัฐสภาก่อน AJCEP เป็นความตกลงระดับภูมิภาคของอาเซียนกับญี่ปุ่น ซึ่งครอบคลุมการค้าสินค้า บริการ การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทยเสนอเปิดเสรีตามข้อผูกพันในระดับทวิภาคีหรือ JTEPA ในส่วนของญี่ปุ่นจะยกเลิกภาษีร้อยละ 90 ของมูลค่าสินค้านำเข้าจากอาเซียนทั้งหมดทันทีที่บังคับใช้ความตกลง และลด/ยกเลิกภาษีอีกร้อยละ 6.7 ภายใน 10 ปี ซึ่งในส่วนนี้จะมีผลให้ไทยจะได้รับประโยชน์จาก AJCEP โดยญี่ปุ่นจะลดภาษีเร็วกว่า JTEPA จำนวน 71 รายการ เช่น ปลาหมึกปรุงแต่ง ผงโกโก้ แวฟเฟิลและเวเฟอร์ พิซซ่าแช่แข็ง เพสทรีและขนมจำพวกเบเกอรี่อื่นๆ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สะสมแหล่งกำเนิดสินค้าโดยใช้วัตถุดิบภายในภูมิภาคและผ่อนคลายกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ยืดหยุ่นมากกว่า JTEPA อีกหลายรายการ ดังนั้นผู้ประกอบการและผู้ส่งออกจะสามารถเลือกที่จะส่งออกภายใต้ JTEPA หรือ AJCEP เพื่อได้สิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าได้ ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียนมีมูลค่าการค้า 162 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการลงทุนในอาเซียนเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่ามูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากความตกลง AJCEP นี้

ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์+มิ่งขวัญ แสงสุวรรณวันนี้

"พิชัย" เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน จัดการผลไม้ ปี 2568 ดันเป้าหมาย 950,000 ตัน ให้ราคาผลไม้ไทยดีทั้งปี

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชน ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ถึงแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ให้เตรียมมาตรการรองรับปัญหาผลผลิต พร้อมส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและขยายตลาดส่งออก นายพิชัย ระบุว่า ปีนี้เราคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ลำไย และมะม่วง จึงต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรขายได้ราคาดีที่สุด โดยกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าจัดทำ 7 มาตรการ 25 แผนงาน

"พิชัย" สุดไว รับนโยบายเติมเงินหมื่นกลุ่ม... "พิชัย" ลุยโครงการ "ชูใจ วัยเก๋า" ลดสินค้ากว้า 20,000 รายการ รับนโยบายเติมเงินหมื่นผู้สูงอายุ — "พิชัย" สุดไว รับนโยบายเติมเงินหมื่นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีข...

นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริห... แพลททินัม ฟรุ๊ต คว้ารางวัลผู้ส่งออกยอดเยี่ยม จากเวที Prime Minister's Export Award 2024 — นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ...

บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King's S... King's Stella Group คว้ารางวัลเกียรติยศ ผลักดัน Soft Power ไทย สู่เวทีโลก — บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King's Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) นำโดยค...