กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดึงผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ร่วมโครงการ Trustmark ไทยสู่ตลาดสากล ดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซโต

กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--คอร์ แอนด์ พีค

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผลักดันโครงการ Trustmark ไทยสู่ตลาดสากล เชิญชวน ผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยสมัครขอใช้เครื่องหมายผ่านทางเว็บไซต์ www.trustmarkthai.com โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หวังสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เป็นที่ยอมรับ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อ-ขายสินค้าแบบออนไลน์ คาดการณ์ตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยปีหน้ายังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e- Commerce) ของไทย ปี 2549 ที่ผ่านมาพบว่า มูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กว่า 305,159 ล้านบาท เป็นการซื้อขายออนไลน์ทางภาครัฐผ่านระบบ e-auction ถึง 176,683 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57.9 ตามด้วยการซื้อขายสินค้าแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B to B) ประมาณ 79,726 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 26.1 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสินค้าระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค (B to C) มีเพียง 47,501 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 เท่านั้น ซึ่งตัวเลขมูลค่าการซื้อขายของ B to C นี้ ยังขยายตัวได้อีกมากหากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการซื้อหรือขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จึงเปิดตัวโครงการ Trustmark ไทยสู่ตลาดสากล ซึ่งเป็นโครงการออกเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนผู้ ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยให้เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือของผู้บริโภค ซึ่งโครงการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างแท้จริง เพราะในบางประเทศนั้น ผู้ประกอบการต้องเสียค่าธรรมเนียมการขอใช้เครื่องหมาย Trustmark ในอัตราที่ค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ Trustmark ได้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.trustmarkthai.com โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพียงผู้สมัครอัพโหลดเอกสารประกอบการสมัครผ่านหน้าเว็บฯ จากนั้นจะสามารถทราบผลการสมัครทางอีเมล์ภายใน 20 วันทำการ หากเว็บไซต์นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับเครื่องหมายที่มีสัญลักษณ์ “Verified” เพื่อนำไปแสดงบนหน้าเว็บไซต์ และผู้สมัครจะต้องทำการต่ออายุเครื่องหมายทุก ๆ 1 ปี โครงการ Trustmark นั้นจะเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ คือ สามารถแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์นั้นๆ มีความน่าเชื่อถือ และมีแนวปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจที่ดี ผ่านการรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจ และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สร้างความแตกต่างและสร้างศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งช่วยขยายโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ๆ ให้กับสินค้าและบริการได้ และในส่วนของผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ คือ เมื่อใช้บริการของเว็บไซต์ที่เข้าร่วมโครงการ Trustmark แล้ว สามารถมั่นใจว่าเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ โดยจะมีเครื่องหมายที่มีสัญลักษณ์คำว่า “Verified” รับรองความน่าเชื่อถือปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นั้นๆ และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Trustmark จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุไว้ หากมีข้อพิพาท หรือประสบปัญหา ผู้บริโภคสามารถติดต่อหรือร้องเรียนมายังกรมฯ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ Trustmark จะต้องเป็นนิติบุคคล ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน เป็นเจ้าของชื่อโดเมนนั้น และจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ข้อบังคับการขอใช้เครื่องหมายรับรองฯ ทั้ง 8 ข้อ ได้แก่ 1. ความโปร่งใสของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีข้อมูลเบื้องต้น เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ วิธีการติดต่อ ฯลฯ เพื่อแสดงความมีตัวตนของเว็บไซต์นั้นๆ 2. การตลาดและประชาสัมพันธ์ ต้องมีรูปแบบที่เหมาะสม ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฏหมาย ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี 3. การให้ข้อมูลของสินค้าและบริการที่ชัดเจนและเพียงพอ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้บริการ 4. การยืนยันการสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าและบริการ ต้องมีแบบฟอร์มการสั่งซื้อและวิธีกรอกข้อมูลที่ชัดเจน 5. ระบบความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เหมาะสมกับข้อมูลที่มีการจัดเก็บและส่งผ่าน 6. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค เว็บไซต์ของท่านจะต้องแสดงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในที่ที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาได้สะดวก 7. มีช่องทางในการติดต่อสื่อสาร และรับเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค บนเว็บไซต์นั้นๆ 8. การคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชน กรณีที่เว็บไซต์นั้นๆ มีสินค้าหรือบริการ ที่อาจมีผลกระทบต่อเด็กหรือเยาวชน ต้องจัดให้มีข้อความเตือนบนเว็บไซต์ด้วย “ทั้งนี้แนวโน้มการเติบโตของตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยจะยังเติบโตได้อีก เนื่องมาจากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่า3 แสนล้านบาท จำนวนผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งแนวโน้มการใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทยที่เพิ่มสูงขึ้น จากจำนวนประชากรกว่า 60 ล้านคน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 8.5 ล้านคน การเปิดตัวบริการต่างๆ ของบัตรเครดิตและธนาคาร หรืออี-แบงกิ้ง ที่สร้างความน่าเชื่อถือในการชำระเงิน ถือว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดทั้งทางตรงและทางอ้อม และกรมฯ เชื่อมั่นว่า โครงการ Trustmark จะเป็นกลไกในการผลักดันให้มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีแนวโน้มสดใสมากขึ้น” นายคณิสสรกล่าวสรุป สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณปาริชาติ สุวรรณ์ และคุณบุษกร สนธิกร ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด โทร.02-439-4600 ต่อ 8203 มือถือ 081-668-9239, อีเมล [email protected]

ข่าวกรมพัฒนาธุรกิจการค้า+คณิสสร นาวานุเคราะห์วันนี้

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชวนผู้ประกอบการไทยสร้างร้านค้าออนไลน์ เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจแบบยั่งยืน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย สมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เดินหน้าส่งเสริมธุรกิจไทยเข้าสู่โลกดิจิทัลผ่าน "โครงการส่งเสริมธุรกิจไทยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ด้วยชื่อเว็บไซต์ .co.th หรือ .in.th พร้อมบริการจัดทำเว็บไซต์หน้าร้านออนไลน์ฟรี ผ่านเว็บไซต์ www.thaionline.in.th DBD Registered ใหม่ ใช้งานง่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือ

กรมที่ดิน เอาจริง ขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุ... กรมที่ดิน เอาจริง ขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบนิติบุคคลที่มีคนต่างชาติถือหุ้น — กรมที่ดิน เอาจริง ขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบนิ...

'ห้าดาว' (FIVE STAR) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด... ห้าดาว สร้างตำนาน! คว้า 3 รางวัลใหญ่ 'แฟรนไชส์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2024' — 'ห้าดาว' (FIVE STAR) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแฟรนไชส์อาหารในประเทศไทยมากว่า 40 ปี คว้...

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมพัฒนา... Family Business Thailand รุ่น 3 ประสบความสำเร็จงดงาม พร้อมถอดบทเรียนบริหารสไตล์ "นิ่มซี่เส็ง" — สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระท...