แอ็บบอตเห็นพ้องกับผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก(WHO) เพิ่มการเข้าถึงยาคาเลตตรา/อลูเวีย (โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์)

แอ็บบอต พาร์ค, อิลินอยส์--11 เม.ย.--พีอาร์นิวสไวร์-เฟิร์สคอลl/อินโฟเควสท์


แอ็บบอตลดราคายาคาเลตตรา/อลูเวียในประเทศที่มีรายได้ต่ำและต่ำถึงปานกลางมาที่ราคา $1,000

แอ๊บบอต (NYSE: ABT) และมาร์กาเรต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำความตกลงในแนวทางที่สมเหตุสมผลในการกระจายยาแคปซูลและยาเม็ดคาเลตตรา/อะลูเวีย (โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์) ให้กับผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเภสัชภัณฑ์ชีวภาพในระยะยาวต่อไป เนื่องด้วยความสนใจในสาธารณสุขระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการใหญ่ชานได้ติดต่อทางแอ๊บบอตเพื่อปรึกษาหารือในการทำให้ผู้ป่วยสามารถจ่ายเงินค่ายาและเข้าถึงยาได้มากขึ้น และก็ยังช่วยรักษาแรงจูงใจในการพัฒนาเภสัชภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ต่อไป

เพื่อเป็นการตอบสนองกับความต้องการของประเทศต่างๆ ที่ต้องการเพิ่มการรักษาโรคเอชไอวี/เอดส์ให้มากขึ้น แอ็บบอตจะเสนอราคาใหม่ของยาที่ราคา $1,000 ต่อคนไข้ต่อปีให้กับรัฐบาลในประเทศที่มีรายได้ต่ำและต่ำถึงปานกลางมากกว่า 40 ประเทศ (ตามคำจำกัดความขององค์การอนามัยโลก) และองค์กรเอ็นจีโอ ราคานี้ถูกกว่าราคาของยาสามัญที่มีจำหน่ายในโลกในวันนี้และมีราคาถูกลงประมาณ 55 เปอร์เซ็นต์ของราคาปัจจุบันของยาดังกล่าวในประเทศเหล่านี้

แอ็บบอตจะเริ่มต้นเจรจาทันทีกับแต่ละประเทศที่มีการปฎิบัติตามเงื่อนไขสิทธิบัตรยาของแอ๊บบอต เพื่อให้มีคนไข้ที่จะได้รับยาแคปซูลและยาเม็ดคาเลตตรา/อะลูเวีย ในราคาใหม่นี้เพิ่มมากขึ้น

แอ็บบอตปฎิบัติเช่นนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาให้มากขึ้น และเป็นการแก้ไขปัญหาจากข้อโต้เถียงเรื่องราคายารักษาโรคเอชไอวี โดยการทำให้คนไข้สามารถจ่ายค่ายาได้ แต่ก็ยังรักษาระบบการส่งเสริมการค้นคว้าหาเภสัชภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อไป สิทธิบัตรของนักวิทยาศาสตร์และผู้ประดิษฐ์จะต้องยังมีอยู่ต่อไป เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีระบบสิทธิบัตรแล้ว ก็จะไม่มีความมหัศจรรย์ของเภสัชภัณฑ์ใหม่ๆ ให้โลกของเราได้ใช้ รวมทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวีด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีประเทศไทย แอ็บบอตเข้าใจและเคารพในคำแนะนำของผู้อำนวยการใหญ่ชานเป็นอย่างยิ่งว่าจำเป็นต้องมีการร่วมมือแก้ไขปัญหากับทางรัฐบาลไทยมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลการแก้ไขปัญหาในเชิงบวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ยาแคปซูลคาเลตตราก็จะยังมีจำหน่ายต่อไปในประเทศไทย และก็สามารถที่จะซื้อได้ในราคาที่เสนอใหม่นี้ด้วย

ในวันนี้ ยาแคปซูลคาเลตตราได้ขึ้นทะเบียนใน 118 ประเทศ จึงทำให้เป็นยาต้านไวรัสเอชไอวีที่มีการขึ้นทะเบียนครอบคลุมหลายประเทศมากที่สุด ส่วนยาเม็ดคาเลตตรา/อะลูเวีย จะมีการขึ้นทะเบียนในประเทศมากกว่า 150 ประเทศ เมื่อได้เสร็จสิ้นขั้นตอนในการขึ้นทะเบียนแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับคาเลตตรา/อะลูเวีย

คาเลตตรา (โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์) มีข้อบ่งใช้ในการรักษาผู้ใหญ่และเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปที่มีการติดเชื้อเอชไอวี-1 รวมกับยาต้านริโทรไวรัสชนิดอื่นๆ

ข้อมูลการใช้ยาคาเลตตราส่วนใหญ่จะได้มาจากการใช้ยานี้ในคนไข้ที่ไม่เคยได้รับยาต้านริโทรไวรัสมาก่อน ข้อมูลในคนไข้ที่เคยได้รับยาที่ยับยั้งเอนไซม์โปรติเอสในการรักษามานานนั้นค่อนข้างจำกัด และมีข้อมูลที่จำกัดในการรักษาช่วยเหลือคนไข้ที่รักษาด้วยยาคาเลตตราแล้วไม่ได้ผล

การเลือกใช้ยาคาเลตตราในคนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวี-1 ที่เคยไดรับยายับยั้งเอนไซม์โปรติเอสนั้นจะพิจารณาจากการทดสอบการดื้อยาของไวรัสในคนไข้แต่ละคนและประวัติการรักษาของคนไข้ ไม่แนะนำให้ใช้ยาคาเลตตราในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากมีข้อมูลในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ไม่เพียงพอ

ข้อมูลความปลอดภัยที่สำคัญ

ยาคาเลตตราไม่ควรให้ในคนไข้ที่มีปฎิกิริยาการแพ้กับสารสำคัญในยาหรือสารช่วยในสูตรตำรับใดๆ หรือในคนไข้ที่มีการทำงานของตับผิดปกติ

ยาคาเลตตรานั้นมีข้อห้ามใช้กับยาแอสเตมิโซล, เทอร์เฟนาดีน, มิดาโซแลม, ไตรอะโซแลม, ซิสาไพรด์, พิโมไซด์. เออร์ก็อต อัลคาลอยด์ (เช่้น เออร์โกตามีน, ไดไฮโดรเออร์โกตามีน, เออร์โกโนวีน และเมธิลเออร์โกโนวีน), ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยเซนต์จอห์นเวิร์ธ (ไฮเปอริคุม เพอโฟราตุม) และ วาร์ดินาฟิล ห้ามให้ยาคาเลตตราพร้อมกันกับการให้ยาโลวาสตาติน, ซิมวาสตาติน, ไรแฟมปิซิน, ฟลูติคาโซน และกลูโคคอร์ติคอยด์อื่น ๆ

ไม่แนะนำให้ใช้ยาอีฟาวิเรนซ์, เนวิราปีน, เนลฟินาเวียร์ หรือแอมพรินาเวียร์พร้อมกับการให้ยาเม็ดคาเลตตราขนาด 400/100 มิลลิกรัม หากมีการต้องมีการให้ยาเหล่านี้กับยาคาเลตตราในการรักษา ควรพิจารณาเพิ่มขนาดใช้ยาคาเลตตราเป็น 600/150 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการกำหนดขนาดใช้ยาสูงสุดของยาคาเลตตราไว้ จึงต้องมีการติดตามความปลอดภัยในการใช้ยา กรณีที่มีการใช้ยาเม็ดคาเลตตราขนาด 600/150 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง

ในการจ่ายยาซิลดินาฟิล หรือทาดาลาฟิลในคนไข้ที่ได้รับยาคาเลตตราต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง การได้รับยาคาเลตตราร่วมกับยาทาดาลาฟิลหรือซิลดินาฟิล จะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวกับสารยับยั้งพีดีอี5 เพิ่มขึ้น รวมถึงความดันโลหิตต่ำ, การขาดออกซิเจน, การเปลี่ยนแปลงของสายตาและอาการอวัยวะเพศแข็งตัวยาวนาน

ในการจ่ายยาคาเลตตราหรือยาที่มีผลทำให้ช่วงเวลาคิวทียาวนานขึ้น เช่น คลอร์เฟนิรามีน, ควินิดีน, อิริโทรมัยซิน, หรือ คลาริโทรมัยซิน ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง

เมื่อมีการใช้ยาคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนร่วมกับยาคาเลตตรา จะทำให้ระดับยาเอทินิล เอสตราไดออลต่ำลง ควรจะใช้วิธีการคุมกำเนิดทางเลือกอื่นๆ หรือวิธีการอื่นๆ เพิ่มเติม

กรุณาอ่านข้อมูลการสั่งจ่ายยาสำหรับประเทศของท่าน ซึ่งอาจมีข้อมูลแนะนำในการสั่งจ่ายยาเฉพาะแต่ละประเทศ

มีรายงานกรณีที่คนไข้ได้รับยาคาเลตตราและเกิดอาการตับอ่อนอักเสบ รวมถึงบุคคลที่มีภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงด้วย

ยาคาเลตตรามีข้อห้ามใช้ในคนไข้ที่มีความผิดปกติของตับรุนแรง คนไข้ที่มีภาวะตับอักเสบชนิด บี หรือ ซี และได้รับการรักษาด้วยยาต้านริโทรไวรัสแบบผสมจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ของตับที่รุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้ คนไข้ควรจะได้การติดตาม และหากมีหลักฐานว่าโรคตับได้เลวร้ายลงในคนไข้กลุ่มดังกล่าว ควรพิจารณาให้มีการระงับหรือหยุดการรักษา ในคนไข้ที่ได้รับสารยับยั้งโปรติเอส ได้มีการรายงานพบอาการเลือดออก (ในคนไข้ที่เป็นโรคฮีโมฟิเลีย), การเกิดหรือการมีอาการเกิดขึ้นใหม่ของโรคเบาหวานและภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

การรักษาด้วยยาต้านรีโทรไวรัสแบบผสมยังเกี่ยวข้องกับการกระจายตัวของไขมันในร่างกายใหม่ (การฝ่อของเนื้อเยื่อไขมัน) ในคนไข้เอชไอวี ทั้งนี้ยังไม่ทราบถึงผลในระยะยาวจากอาการดังกล่าวนี้

การรักษาด้วยยาคาเลตตรายังทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์รวม ซึ่งบางครั้งจะมีค่าสูงขึ้นอย่างมาก จึงควรมีการติดตามทั้งก่อนและระหว่างการรักษา มีการรายงานอาการกระตุ้นภูมิคุ้มกันซ้ำในคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรงในเวลาที่มีการให้ยาต้านริโทรไวรัสแบบผสม ได้มีการพบภาวะเซลล์กระดูกตายในคนไข้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ติดเชื้อไวรัสในขั้นสุดท้าย และ/หรือได้ใช้ยาต้านริโทรไวรัสแบบผสมเป็นเวลานาน แม้ว่าสาเหตุของอาการนั้นจะเกิดจากหลายสาเหตุ (รวมถึงการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์, การดื่มสุรา, การกดภูมิคุ้มกันรุนแรง, ค่าดัชนีมวลร่างกายสูงขึ้น)

ในขั้นของการพัฒนายานี้ พบข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการดื้อยาข้ามสายพันธุ์ระหว่างไวรัสที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาด้วยยาคาเลตตรา

ในการวิจัยทางคลินิกของยาคาเลตตรา อาการไม่พึงประสงค์ในระดับปานกลางถึงรุนแรงได้แก่ อาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีอุจจาระในช่องท้อง อาหารไม่ย่อย ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ผื่นคัน การฝ่อของเนื้อเยื่อไขมัน และอ่อนแรง จะพบลักษณะข้อมูลความปลอดภัยในเด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปเหมือนกับในผู้ใหญ่

ข้อมูลเกี่ยวกับแอ็บบอต

แอ็บบอตเป็นบริษัทระดับโลกที่มีผลิตภ้ณฑ์ดูแลสุขภาพครอบคลุมหลายประเภท มุ่งเน้นในการค้นคว้า พัฒนา ผลิตและจำหน่ายเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการ เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์วินิจฉัย บริษัทมีพนักงานกว่า 65,000 คนและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศมากกว่า 130 ประเทศ

เอกสารข่าวสารประชาสัมพันธ์และข้อมูลอื่นๆ สามารถอ่านได้ที่เว็บไซด์ http://www.abbott.com

แหล่งข้อมูล แอ็บบอต

ติดต่อ: เมลิสซ่า บรอทซ์,

สำนักงาน +1-847-935-3456,

โทรศัพท์มือถือ +1-847-772-2761,

หรือ เจนนิเฟอร์ สโมเตอร์,

สำนักงาน, +1-847-935-8865,

โทรศัพท์มือถือ, +1-847-772-4631,

หรือ ข้อมูลด้านการเงิน, แลร์รี่ พีโพ,

โทร +1-847-935-6722

ข้อมูลทั้งหมดของแอ็บบอต

เว็บไซด์: http://www.abbott.com

--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--


ข่าวองค์การอนามัยโลก+องค์การอนามัยโลวันนี้

การต่อสู้กับวัณโรค: ทำไมการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า วัณโรค (TB) อาจกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักจากการติดเชื้อทั่วโลกจากเชื้อโรคตัวเดียว ซึ่งวัณโรคดื้อยาหลายชนิดยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพประชาชนและความมั่นคงด้านสุขภาพ โดยวันวัณโรคโลกนี้ มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ (SGU) คณะแพทยศาสตร์ในประเทศเกรนาดา หมู่เกาะเวสต์อินดีส เน้นย้ำถึงภาระของวัณโรคในประเทศไทยและบทบาทสำคัญของมาตรการป้องกันในการต่อสู้กับโรคนี้ วัณโรคยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากการติดเชื้อที่สำคัญทั่วโลก โดยคร่าชีวิต 1.5 ล้านคนในแต่ละปี ตามข้อมูลจาก

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระท... สธ. จับมือภาคีหนุนส่งนมแม่ฟรี ดันเป้าเด็กแรกเกิดกินนมแม่ 6 เดือนแรก มากกว่าร้อยละ 50 — นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเ...

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย นมแม่มีสาร... นมแม่มีประโยชน์ กรมอนามัย แนะ ทารก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน กินนมแม่อย่างเดียว — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย นมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ แนะ ทารกกินน...

นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำน... กทม. เตรียมพร้อมติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อหิวาตกโรค-แนะยึดหลัก "กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ" — นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.)...

สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (ส... งานประกาศผลการประกวดคลิปสั้น The PAUSE Project : eyes up phone down เดินเท้าปลอดภัย — สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์การอนามัยโล...

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (F... FAO จัดงาน World AMR Awareness Week Food Fair 2024 รวมพลังลดปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ — องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ร่วมกับ องค์การอนามั...

ข่าวธุรกิจของมาเก๊าเปิดเผยว่า เพื่อส่งเสร... "CEO-NV ร่วมตัดริบบิ้นก่อตั้งแพลตฟอร์มการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพการแพทย์ แผนจีน-ไทย-มาเก๊า" — ข่าวธุรกิจของมาเก๊าเปิดเผยว่า เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมด...