กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ฉีกแนวสร้างประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้งด้วยการฉายทั้ง ๒ ภาคพร้อมกัน และจำหน่ายบัตรราคาพิเศษทุกที่นั่งประกาศความยิ่งใหญ่แห่งอิสรภาพให้สะใจผู้ชม เบิกฤกษ์ลงโรงในวันกองทัพไทย ที่รัฐบาลประกาศเปลี่ยนแปลงให้ตรงตามความเป็นจริง ๑๘ ม.ค. ๕๐ เป็นครั้งแรก
ท่านมุ้ย - ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เปิดเผยว่า ได้เลื่อนกำหนดฉายภาพยนตร์แห่งอิสรภาพเรื่องนี้พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ จากเดิม ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ ไปเป็นวันกองทัพไทย ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ โดยจัดทำเป็น ๒ ภาค ความยาวภาคละประมาณ ๒ ชั่วโมง ๑๐ นาที และฉายทั้ง ๒ ภาคนี้ไปพร้อมๆ กัน โดยภาคแรกเริ่มตั้งแต่สงครามช้างเผือก ในปี พ.ศ. ๒๑๐๗ ที่พระองค์ดำ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งมีพระชันษาเพียง ๙ พรรษา ต้องเสด็จไปประทับยังหงสาวดีในฐานะองค์ประกัน โดยพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองทรงรับเป็นโอรสบุญธรรม และจบ ภาคแรกในช่วงที่ทรงหนีกลับอยุธยาซึ่งผู้ชมจะได้เรียนรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในช่วง ทรงพระเยาว์และทรงใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนพม่า ทรงพระผนวชเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของ พระมหาเถรคันฉ่องที่ได้ถวายความรู้แด่พระองค์ดำจนทรงเจนจบทั้งด้านศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ และยุทธศาสตร์การรบตามตำราพิชัยสงคราม ฯลฯ โดยได้มีการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายของทั้งสองฝ่าย ส่วนภาค ๒ เป็นช่วงที่ทรงเจริญพระชันษา กลับไปประทับยังหงสาวดีอีกครั้งหนึ่ง ทรงผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย และทรงมีชัยชนะในศึกสงครามต่างๆ ด้วยพระอัจฉริยภาพในการรบที่ล้ำเลิศ ภาคนี้จบลงที่การประกาศอิสรภาพอันทำให้ดำรงเอกราชและความเป็นไทที่เราภาคภูมิใจตราบจนทุกวันนี้
“ตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเรื่องราวต่างๆ ที่สำคัญและน่าสนใจ มากมาย ทรงเปี่ยมไปด้วยความเสียสละ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว อดทน และทรงมุ่งมั่นที่จะกอบกู้ เอกราชตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ความคับแค้นพระทัยในการอยู่ท่ามกลางศัตรู เราอยากถ่ายทอด
สิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่า อิสรภาพ ที่ทำให้เรามีศักดิ์ศรีอย่างเต็มภาคภูมิ และเรื่องราวเหล่านี้หากสร้างให้จบในภาคเดียวคงไม่ประทับใจ จึงแบ่งเป็น ๒ ภาคที่มีครบรส
มีความสำคัญและความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แล้วก็นำออกฉายพร้อมกันทั้ง ๒ ภาค
ใครอยากดูภาคไหนก็เลือกได้ หรือจะดูทั้ง ๒ ภาคแบบต่อเนื่องก็ได้ทันทีในช่วงเดียวกันนี้เลย ไม่ต้องรอ” ท่านมุ้ยกล่าว สำหรับกำหนดการเข้าฉายพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศที่เลื่อนไปเป็นวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากต้องการให้มีความหมายที่สำคัญต่อภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเรื่องนี้ โดยถือเป็นการฉายเบิกฤกษ์วันกองทัพไทยที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ๒๕ มกราคม ให้เป็น
วันที่ ๑๘ มกราคมของทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ เป็นต้นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ หลังจากที่ได้มีการกำหนดให้วันที่ ๑๘ มกราคมของทุกปีเป็นวัน ยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา เพื่อให้เป็นไปตามหลักฐานที่คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเสนอ จากวันทางจันทรคติ (ข้างขึ้นข้างแรม) ตามที่ระบุในพงศาวดาร คือวันจันทร์ เดือนยี่ แรม ๒ ค่ำ ปีมะโรง จ.ศ. ๙๕๔ ให้เป็นวันทางสุริยคติ (กำหนดวันที่ตายตัว) อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงที่คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและราชบัณฑิตได้คำนวณและตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังเตรียมการจำหน่ายบัตรเข้าชมภาพยนตร์ในราคาพิเศษ ทุกที่นั่ง ทุกโรง
ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ชมภาพยนตร์แห่งอิสรภาพเรื่องนี้อย่างเต็มอิ่ม และร่วมสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดินไทย มีความสามัคคีปรองดอง และพร้อมที่จะตอบแทนคุณของแผ่นดินไทยด้วยความกตัญญูร่วมกัน
เตรียมพบกับภาพยนตร์ที่จะประกาศความยิ่งใหญ่แห่งอิสรภาพพร้อมกัน ทั่วประเทศ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ แน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. ๐ ๒๖๙๑ ๖๓๐๒ – ๔, ๐ ๒๒๗๔ ๔๙๖๑ - ๒
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net