ติดต่อเจ้าของรับคืนแล้ว 88 ชิ้น โทรศัพท์มือถือถูกลืมมากอันดับ 1
นายวิโรจน์ นีละโยธิน หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าตามที่ ขสมก.ได้จัดตั้งหน่วยดูแลทรัพย์สินผู้โดยสาร(LOST & FOUND) ขึ้น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตามนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายนิกร จำนงเพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลทรัพย์สินของผู้โดยสารที่ทำตกหล่นหรือลืมไว้บนรถเมล์ โดยหลังจากพบสิ่งของทรัพย์สินของผู้โดยสารแล้ว พนักงานประจำรถจะเป็นผู้เก็บรักษาดูแลทรัพย์สินนั้น ๆ ให้อยู่ในสภาพเดิม หลังจากนั้น จะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบเมื่อรถถึงท่าปลายทาง พร้อมกับการบรรจุใส่ในถุงเพื่อให้อยู่ในสภาพเดิมเรียบร้อย ต่อจากนั้นทางเขตการเดินรถต้นสังกัด จะติดต่อเจ้าของทรัพย์สินมารับคืนทันที ณ ที่ทำการเขตการเดินรถนั้น ๆ ตามหลักฐานที่ปรากฏชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้หากพ้น 7 วันไปแล้วเจ้าของทรัพย์สินยังไม่ไปติดต่อขอรับคืน สิ่งของนั้นจะถูกนำส่งไปรวบรวมไว้ที่ศูนย์บริการประชาชน ขสมก. สำนักงานใหญ่ เพื่อประกาศหาเจ้าของทางสื่อมวลชนและทาง INTERNET Website WWW.bmta.co.th ของ ขสมก. โดยจะระบุสิ่งของที่เป็นรูปพรรณสันฐานเพื่อแจ้งให้เจ้าของติดต่อมารับคืนต่อไป
สำหรับระหว่าง 2 เดือนที่ผ่านมา(กันยายน –ตุลาคม 2547 ) มีทรัพย์สินต่าง ๆ ที่พนักงานประจำรถเก็บได้จำนวน 96 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ หนังสือเรียน ขสมก.ได้ทำการติดต่อให้เจ้าของทรัพย์สินมารับคืนเรียบร้อยแล้ว 82 ชิ้น ส่วนที่เหลืออีก 14 ชิ้น ได้ประกาศผ่านทางอินเตอร์เนตเวปไซค์ของ ขสมก.ข้างต้น พร้อมทั้งมีหนังสือแจ้งให้มารับคืนเพิ่มเติมแล้ว 6 ราย สำหรับสิ่งของที่เหลืออีก 8 ชิ้น ที่ผู้โดยสารลืมไว้บนรถเมล์ ได้แก่ โทรศัพท์ PCT จำนวน 2 เครื่อง กระเป๋าสตางค์สีดำ 2 ใบ ถุงใส่เสื้อยืด 2 ถุง ถุงใส่กางเกงยืนส์ 1 ตัว แท่นชาร์ทโทรศัพท์ 1 อัน
จึงขอแจ้งให้ผู้ที่ทำสิ่งของเหล่านี้หล่นบนรถเมล์นำหลักฐานการเป็นเจ้าของไปรับคืนได้ที่หน่วยดูแลทรัพย์สินผู้โดยสาร ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานใหญ่ ขสมก. ถนนวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง ได้ในวัน เวลาราชการ หรือโทรศัพท์สอบถามที่หมายเลข 184 ได้ทุกวันระหว่างเวลา 08.30 –16.30 น.
นางลลิดา ชูแข หัวหน้าส่วนบริการประชาชนและผู้โดยสารสัมพันธ์ มอบกระเป๋าสตางค์คืนให้แก่เจ้าของ นายสุทัศ พรหมน้อย ที่ทำหล่นบนรถเมล์ปอ.511 และ พกส.ประจำรถเก็บได้ เมื่อ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--