SCB ประกาศผลประกอบการ ปี 2547

19 Jan 2005

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการและฐานะการเงินประจำปี 2547 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ

ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งผลประกอบการประจำปี 2547 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 18,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.4 จากจำนวน 12,460 ล้าน บาทในปี 2546 โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งรวมถึง รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทย่อย/ร่วม และกำไรจากเงินลงทุน

สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2547 มีจำนวน 3,125 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากจำนวน 3,637 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ใน

ไตรมาสนี้ ธนาคารมีรายได้จากเงินลงทุนจำนวน 2,396 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธนาคารตั้งสำรองเผื่อการเกษียณของพนักงานและสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า

"ผลประกอบการของธนาคารในปี 2547 ถือเป็นกำไรสุทธิที่สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมา โดย กำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากตามนโยบายของธนาคารที่มีการขายหุ้นในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ซึ่งบางส่วน มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อมีการ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.4 โดยเป็นการเติบโตในทุกๆกลุ่มธุรกิจ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ปรับตัวดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทในเครือก็ยังคงเติบโต อย่างต่อเนื่อง"

สำหรับการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ คุณหญิงชฎากล่าวว่า

"ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเพิ่มซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศ ไทยสำหรับหนี้ที่ค้างชำระเกิน 24 เดือนบางรายที่ธนาคารไม่ฟ้องคดีเนื่องจากธนาคารเห็นว่าเป็นทางเลือก ที่ดีกว่าในการรักษามูลค่าของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ธนาคารยังได้มีการตั้งสำรองเป็นการทั่วไปในงวดนี้เพิ่มเพื่อ เร่งการตั้งสำรองทั่วไปให้เร็วขึ้น จนมีสำรองส่วนนี้ครบตามเป้าหมายร้อยละ 2 ของสินเชื่อที่ไม่ใช่ NPLs ทำให้ธนาคารมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ณ สิ้นปี 2547 สูงถึง 69,866 ล้านบาทหรือร้อยละ 87.0 ของ NPLs จำนวน 80,340 ล้านบาทหรือร้อยละ 14.0 ของสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นระดับสำรองที่เพียงพอสำหรับการ รองรับความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงภัยพิบัติในภาคใต้"

ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ได้กล่าวเสริมว่า

"จากนโยบายของธนาคารในการเป็นสถาบันการเงินที่ครบวงจรที่แท้จริงรวมถึงการสร้างราก ฐานในการดำเนินธุรกิจในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการที่โดดเด่นพร้อมกับความแข็งแกร่ง ด้านการเงิน ขณะนี้ธนาคารมีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2548 โดยจะเน้นความร่วมมืออย่าง ใกล้ชิดของบริษัทในกลุ่มไทยพาณิชย์ และการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งผ่านเครือข่ายที่กว้างขวาง บริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบถ้วนเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของธนาคาร"

รายละเอียดผลประกอบการที่สำคัญสำหรับปี 2547 มีดังต่อไปนี้

รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ

รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิมีจำนวน 20,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากปีก่อน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงมากกว่ารายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ลดลง โดยในไตรมาส 4/2547 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 5,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 740 ล้านบาท และ 769 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาส 4/2546 ตามลำดับ (ล้านบาท)

2547

2546

% yoy รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล

26,718

27,439

-2.60% - เงินให้สินเชื่อ

21,631

21,400

1.10% - รายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน

965

1,014

-4.80% - เงินลงทุน

4,122

5,025

-18.00% ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

5,972

8,364

-28.60% รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ

20,746

19,075

8.80% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ

2.79%

2.67%

ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อจำนวน 21,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230 ล้าน บาทจากปีก่อนเนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วนรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับจากเงินลงทุนมีจำนวน 4,122 ล้านบาทลดลง 903 ล้านบาทจากปีก่อน จากการลดลงของเงินลงทุนในตราสารหนี้

ดอกเบี้ยจ่ายของธนาคารในปีนี้มีจำนวน 5,972 ล้านบาท ลดลง 2,392 ล้านบาทหรือร้อยละ 28.6จากปีที่ผ่านมา โดยดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินฝากลดลง 2,079 ล้านบาท จากการลดลงของอัตราดอก เบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีก่อนและการเปลี่ยนสัดส่วนของเงินฝากประจำเป็นเงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่ง เป็นผลจากการขยายธุรกิจบริการบริหารเงินสด ส่วนดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมทั้งระยะสั้นและระยะยาวลดลง 262 ล้านบาทเนื่องจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 3,810 ล้านบาทและ 1,851 ล้านบาทได้ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน มกราคมและพฤศจิกายน 2547 ตามลำดับ รวมถึงการแปลงหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลบาท (ที่ออกขายให้นักลงทุนใน ประเทศในปี 2541) เป็นหุ้นทุนในปีนี้จำนวน 2,112 ล้านบาท

รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ปรับตัวดีขึ้นขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย สุทธิ (Net Interest Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.67 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 2.79 ในปีนี้ สำหรับไตรมาส 4/2547 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.11 จากร้อยละ 2.71 ใน ไตรมาสก่อนจากทั้งสินเชื่อปกติและดอกเบี้ยรับพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้ 450 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่ รวมดอกเบี้ยจากการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาสนี้คิดเป็นร้อยละ 2.87

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย

ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในปีนี้จำนวน 19,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,780 ล้านบาทจาก ปีก่อนโดยมีรายการหลักคือกำไรจากเงินลงทุนซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 205 ล้านบาทในปี 2546 เป็น 8,054 ล้าน บาทในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคารในการลดการลงทุนในกิจการที่ดำเนินธุรกิจไม่เกี่ยวกับธุรกิจ การเงิน

นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 1,634 ล้านบาทหรือร้อยละ 26.6 เป็น 7,775 ล้านบาทจากการขยายตัวของธุรกิจ Bancassurance ธุรกิจบัตร และธุรกิจบริการบริหารเงินสด (Business Cash Management) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 408 ล้านบาทเป็น 1,403 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการดีขึ้นตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ และ การที่ธนาคารเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมแห่งหนึ่งในปีนี้

กำไรจากการปริวรรตมีจำนวน 1,487 ล้านบาท ลดลง 419 ล้านบาทจากปีก่อนเนื่องจากใน ปีนี้มีค่าใช้จ่ายในสัญญาอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 309 ล้านบาทเป็นผลจากกำไรจากการขาย สินทรัพย์รวมถึงสินทรัพย์รอการขาย

(ล้านบาท)

1. 2547

2546

% yoy

ค่าธรรมเนียมและบริการ

7,775

6,142

26.60% - การรับรอง รับอาวัล และค้ำประกัน

708

669

5.90% - อื่นๆ

7,067

5,473

29.10% กำไรจากการปริวรรต

1,487

1,906

-22.00% รายได้อื่น

358

50

623.50% รวมรายได้จากธุรกิจหลัก

9,621

8,098

18.80% กำไรจากเงินลงทุน

8,054

205

3821.80% ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย/ร่วม

1,403

995

41.00% รวมรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย

19,077

9,298

105.20%

สำหรับไตรมาส 4/2547 ธนาคารบันทึกกำไรจากเงินลงทุน 2,396 ล้านบาทจากการขาย เงินลงทุนที่มิใช่ธุรกิจหลักของธนาคาร เทียบกับขาดทุนจากเงินลงทุน 16 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ทำให้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวมมีจำนวน 5,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,260 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย

ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 2547 มีจำนวน 16,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 13,512 ล้าน บาทในปีก่อน โดยค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น 1,562 ล้านบาทจากการตั้งสำรองเผื่อการเกษียณของพนักงาน การจ่ายโบนัสพิเศษ ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมพนักงานและจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 708 ล้านบาทส่วนใหญ่จากการปรับปรุงและเพิ่มจำนวนสาขาทั่วประเทศ และ ค่า ใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากรายการส่งเสริมการขาย

(ล้านบาท)

2547

2546

% yoy ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน

5,890

4,328

36.10% ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์

3,501

2,793

25.40% ค่าภาษีอากร

1,199

1,246

-3.70% ค่าธรรมเนียมและบริการ

1,629

1,451

12.30% ค่าตอบแทนกรรมการ

69

40

74.30% เงินสบทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

2,459

2,343

4.90% ค่าเผื่อการด้อยค่าและค่าเผื่อค่าใช้จ่ายในการขาย

0

390

-100.00%

สินทรัพย์รอการขาย

ค่าใช้จ่ายอื่น

1,662

923

80.20% รวมค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย

16,410

13,512

21.40% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน

54.00%

48.30%

สำหรับไตรมาส 4/2547 ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 4,882 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,003 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 716 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการ 112 ล้านบาท ค่าใช้ จ่ายอื่น 103 ล้านบาท อาคาร สถานที่และอุปกรณ์ 40 ล้านบาทและค่าภาษีอากร 34 ล้านบาท

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 48.3 เป็นร้อยละ 54.0ในปีนี้ สำหรับไตรมาส 4/2547 อัตราส่วนดังกล่าวเท่ากับร้อยละ 57.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50.7 ในไตรมาส ก่อนสาเหตุหลักจากการตั้งสำรองเผื่อการเกษียณของพนักงานในไตรมาสนี้

ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ

ในไตรมาส 4/2547 ธนาคารมีการตั้งสำรองจากเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้ธนา คารตั้งสำรองเพิ่มสำหรับลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 24 เดือนและธนาคารไม่ฟ้องคดี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ธนาคารสำหรับลูกหนี้บางรายที่อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับ สำรองเป็นการทั่วไปเพื่อให้สำรองสำหรับหนี้ที่ไม่ใช่ NPLs เท่ากับร้อยละ 2 ทำให้ธนาคารตั้งสำรองใน ไตรมาส 4/2547 จำนวน 3,100 ล้านบาท รวมทั้งปีเท่ากับ 4,900 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งสิ้น 69,866 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสิน เชื่อด้อยคุณภาพร้อยละ 87.0

งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547

สินเชื่อและเงินฝาก

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ธนาคารมียอดสินเชื่อจำนวน 563,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57,579 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.4 จากสิ้นปี 2546 และลดลง 1,258 ล้านบาทหรือร้อยละ 0.2 จากไตรมาสก่อน

สินเชื่อทั่วไป (Good Bank) ของธนาคารเพิ่มขึ้นสุทธิจากสิ้นปี 78,267 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.9 และเพิ่มขึ้น 4,467 ล้านบาทหรือร้อยละ 1.0 จากไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อกลุ่มจัดการทรัพย์สิน (Bad Bank) ลดลง 20,688 ล้านบาทหรือร้อยละ 18.4 โดยเป็นการลดลงในไตรมาส 4/2547 จำนวน 5,724 ล้านบาท

สินเชื่อของธนาคารยังขยายตัวได้ดีในทุกกลุ่ม สินเชื่อบุคคลยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 39,075 ล้าน

(ล้านบาท)

1. เงินให้สินเชื่อ

31 ธ.ค. 47

31 ธ.ค. 46

% yoy สินเชื่อทั่วไป (Good Bank)

471,881

393,613

19.90% - ธุรกิจขนาดใหญ่

218,056

197,514

10.40% - ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

98,030

79,379

23.50% - สินเชื่อบุคคล

155,795

116,720

33.50% สินเชื่อกลุ่มจัดการทรัพย์สิน (Bad Bank)

91,992

112,680

-18.40% รวมเงินให้สินเชื่อ

563,873

506,293

11.40%

เงินฝาก ณ สิ้นปี 2547 มีจำนวน 624,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 จำนวน 17,586 ล้านบาท (ร้อยละ 2.9) โดยในไตรมาส 4/2547 เงินฝากลดลงจำนวน 23,904 ล้านบาทหรือร้อยละ 3.7 จาก ไตรมาสที่ผ่านมา

(ล้านบาท)

เงินฝาก ณ สิ้นปี 2547 มีจำนวน 624,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 จำนวน 17,586 ล้านบาท (ร้อยละ 2.9) โดยในไตรมาส 4/2547 เงินฝากลดลงจำนวน 23,904 ล้านบาทหรือร้อยละ 3.7 จาก ไตรมาสที่ผ่านมา

(ล้านบาท) 1. เงินฝาก

31 ธ.ค. 47

31 ธ.ค. 46

% yoy จ่ายคืนเมื่อทวงถาม

27,085

25,760

5.10% ออมทรัพย์

317,202

278,448

13.90% จ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลา

  • ไม่ถึง 6 เดือน

196,544

211,106

-6.90% - 6 เดือนไม่ถึง 1 ปี

17,241

18,951

-9.00% - 1 ปีขึ้นไป

66,648

72,867

-8.50% รวมเงินฝาก

624,718

607,132

2.90% สัดส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝาก

90.30%

83.40%

สัดส่วนเงินให้สินเชื่อ (หลังหักสำรอง) ต่อเงินฝาก

79.10%

73.20%

สัดส่วนเงินให้สินเชื่อ(หลังหักสำรอง) ต่อเงินฝาก ณ 31 ธันวาคม 2547 เท่ากับร้อยละ 79.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 73.2 เมื่อสิ้นปี 2546 จากการเติบโตของสินเชื่อที่สูงกว่าเงินฝาก

เงินลงทุนในหลักทรัพย์

เงินลงทุนในหลักทรัพย์มีจำนวน 130,769 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.4 จากสิ้นปี 2546 และ ลดลงร้อยละ 5.8 จากไตรมาสก่อน เป็นไปตามนโยบายเงินลงทุนของธนาคาร

(ล้านบาท)

1. เงินลงทุนในหลักทรัพย์

31 ธ.ค. 47

31 ธ.ค. 46

% yoy - เงินลงทุนชั่วคราวสุทธิ

30,123

37,815

-20.30% - เงินลงทุนระยะยาวสุทธิ

81,939

95,526

-14.20% - เงินลงทุนในบริษัทย่อย/ร่วม

18,706

14,258

31.20% รวมเงินลงทุนในหลักทรัพย์

130,769

147,600

-11.40%

เงินกู้ยืม

เงินกู้ยืมมีจำนวน 16,210 ล้านบาท ลดลง 7,833 ล้านบาทหรือร้อยละ 32.6 จากสิ้นปี 2546 เนื่องจากการชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิแปลงสภาพสกุลเงินเหรียญสหรัฐที่ครบอายุจำนวน 3,810 ล้านบาท ในเดือนมกราคมและการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเยนจำนวน 1,851 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน และการ ใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทไม่มีหลักประกันในปี 2547 จำนวนรวม 2,112 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้น

ส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคาร ณ 31 ธันวาคม 2547 มีจำนวน 82,035 ล้านบาท หรือคิดเป็น มูลค่าตามบัญชี 24.52 บาทต่อหุ้น (จำนวนหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ณ สิ้นปี 2547 รวม 3,346 ล้านหุ้น) เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 จำนวน 6,511 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญดังนี้

กำไรประจำปีจำนวน 18,489 ล้านบาท

การแปลงสภาพหุ้นกู้ด้อยสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ และการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อ หุ้นบุริมสิทธิ จำนวนรวม 6,448 ล้านบาท

ส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเงินลงทุนลดลง 13,910 ล้านบาท จากการขาย หลัก ทรัพย์และการลดลงของมูลค่าหุ้นตามภาวะตลาด

การจ่ายเงินปันผลในเดือนเมษายนจำนวน 4,486 ล้านบาท

เงินกองทุนตามกฎหมาย

เงินกองทุนตามกฎหมาย (ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2) ณ 31 ธันวาคม 2547 มีจำนวน 85,569 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 15.3 ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นส่วนของเงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 63,374 ล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 11.4 (ยังไม่รวมกำไรของไตรมาส 3/2547 และไตรมาส 4/2547 จำนวน 6,761 ล้านบาท)

สินเชื่อด้อยคุณภาพ

ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ซึ่งประกอบด้วยเงินให้สินเชื่อจัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐานลงมา ตามคำนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 จำนวนทั้งสิ้น 80,340 ล้านบาทหรือ ร้อยละ 14.0 เทียบกับจำนวน 89,769 ล้านบาท (ร้อยละ 17.5) ณ 31 ธันวาคม 2546

(ล้านบาท)

31 ธันวาคม 2547

31 ธันวาคม 2546

จำนวน

ค่าเผื่อหนี้

จำนวน

ค่าเผื่อหนี้

สินเชื่อจัดชั้น

สงสัยจะสูญ

สินเชื่อจัดชั้น

สงสัยจะสูญ สินเชื่อจัดชั้นและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ

ปกติ

484,262

6,375

416,383

11,965 กล่าวถึงเป็นพิเศษ

9,086

72

6,945

54 ต่ำกว่ามาตรฐาน

4,711

412

5,404

791 สงสัย

5,476

750

11,260

2,106 สงสัยจะสูญ

70,152

38,680

73,105

31,956

รวม

573,688

46,290

513,097

46,872 สำรองที่ตั้งเป็นการทั่วไปและเฉพาะราย

25,208 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม

72,080 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (ชั้นต่ำกว่ามาตรฐานและต่ำกว่า)

80,340

89,769

% ต่อสินเชื่อรวม (รวมเงินให้สินเชื่อสถาบันการเงิน)

14.00%

17.50%

หมายเหตุ: สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) หมายถึง สินเชื่อจัดชั้นตั้งแต่ชั้นต่ำกว่ามาตรฐานลงมา รวม เงินให้สินเชื่อสถาบันการเงิน แต่ไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับและสินทรัพย์อื่น--จบ--