กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ดร.วิโรจน์ ตันตราภรณ์ ประธานกรรมการรางวัลเทคโนโลยีดีเด่น ชี้แจงว่า ในการพิจารณารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นสำหรับปี 2547 นี้ กรรมการเห็นความสำคัญที่สมควรให้เกียรติต่อนักเทคโนโลยีในภาคเอกชนที่พิสูจน์ว่าตนเองเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีในระดับอุตสาหกรรมไปสู่สภาพที่แข่งขันได้ สามารถมีผลิตภัณฑ์และขนาดธุรกิจที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการสร้างงานที่มีความหมายน่าภูมิใจแก่คนไทยจำนวนมาก กรรมการเห็นสมควรให้รางวัลแก่นักเทคโนโลยีดีเด่น 2 รางวัล พร้อมเงินสดรางวัลละ 500,000 บาทแก่
1. กลุ่มนักเทคโนโลยีดีเด่น บริษัทไทยออพติคอบกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย นายสาโรจน์ ประจักษ์ธรรม นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม และนายธีระชัย สุรวัฒนสกุล ซึ่ง บริษัท ไทยออพติคอลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีโรงงานผลิตแว่นตาประเภท High-impact plastic lens ตามสั่งและจำหน่ายได้ทั่วโลก กลุ่มนักเทคโนโลยีดีเด่นนี้ได้มีส่วนร่วมพัฒนากับบริษัทที่ผลิตวัตถุดิบพลาสติกให้มีคุณภาพที่เหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อลดขั้นตอนการผลิต ตลอดจนได้พัฒนาขั้นตอนการผลิตยังผลให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีสิทธิบัตรคุ้มครอง และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ในขณะเดียวกัน ทำให้สามารถประสบผลสำเร็จอย่างสูงในเวทีโลก มี volume สูงมีอนาคตที่มั่นคง และเป็นแหล่งงานของบุคลากรหลายระดับอาชีพจำนวนมาก
2. นายปิยะ จงวัฒนา จากบริษัทพัฒน์กล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาออกแบบและสร้างเครื่องจักรผลิตน้ำแข็งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถสร้างเครื่องทำนำแข็งหลอดโดยฝีมือคนไทยได้เป็นเครื่องแรก และพัฒนาจนได้คุณภาพและมีประสิทธิภาพสูง เป็นเครื่องจักรที่ส่งออกได้ และมีคุณภาพสูงตามหลัก GMP ถือเป็นผู้ผลิตเครื่องทำน้ำแข็งหลอดใหญ่เป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของโลก
สำหรับรางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2547 เป็นผู้ได้รับรางวัลเหรียญฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงเรือใบซุปเปอร์มด และจำนวนเงิน 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล คือ
1. ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในการพัฒนา Electro-mechanical system ในระดับนาโนเมตรหลายระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ nano mirrors ที่สามารถทำหน้าที่เป็นสวิตช์บังคับทิศทางของลำแสงได้อย่างรวดเร็วและมี resolution สูง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา Computer processor, imaging technology และการใช้งานอื่น ๆ อีกมาก
2. ผศ.ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนาเครื่องอบแห้งที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตอาหารอบแห้งชนิดต่าง ๆ ให้คงไว้ซึ่งคุณภาพสูง และใช้เวลาน้อยและต้นทุนต่ำกว่าเทคโนโลยีเดิมในอุตสาหกรรมประเภทนี้ โดยอาศัยคุณสมบัติของไอน้ำร้อนยวดยิ่งที่สภาวะความดันต่ำ ทำให้สามารถอบแห้งได้โดยไม่เสื่อมคุณภาพเชิงโภชนาการอันจะมีผลดีต่อผู้บริโภคในตลาดไทยและต่างประเทศ
นักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่นี้ จะได้รับพระราชทางรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เวลา 9.00-121.00 น. ณ อาคารอิมแพคคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วทท.) ครั้งที่ 30
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งตะวันออกด้วยดาวเทียม
วิจัยพบการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลมาบตาพุด มีการกัดเซาะขึ้นทางด้านตะวันออกและด้านตะวันตกของนิคมอุตสาหกรรม สามารถนำมาใช้ในการการศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง
นาวาโทสมมาตร์ เทียมนิล ภาควิชาภูมิศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ชี้แจงว่า การศึกษาการเปลียนแปลงแนวชายฝั่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ กรณีศึกษาบริเวณชายฝั่งมาบตาพุด จังหวัดระยองนั้น การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งทะเลมาบตาพุด โดยการประยุกต์เทคนิคทางการสำรวจข้อมูลระยะไกล และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์หารูปแบบของการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง โดยครอบคลุมแนวชายฝั่งมาบตาพุด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530-2545 สรุปได้ดังนี้
ข้อมูลภาพดาวเทียมสามารถใช้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง ในลักษณะภาพรวม พบว่า มีการกัดเซาะเกิดขึ้นทางด้านตะวันออกของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จะเกิดการกัดเซาะมากกว่าชายฝั่งด้านตะวันตก ส่วนระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ สามารถนำมาใช้ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งในส่วนรายละเอียด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งเกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทะเลและบริเวณนอกชายฝั่งที่ระดับความลึกมากกว่า 10 เมตร ส่วนการพอกพูนจะเกิดขึ้นบริเวณใกล้ฝั่งที่ระดับความลึกน้อยกว่า 10 เมตร
สำหรับอัตราการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มทิศทางการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง จากการศึกษาครั้งนี้ ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดังนี้ อัตราการพอกพูนต่อปีมีค่ามากกว่าอัตราการกัดเซาะต่อปี เช่นข้อมูล พ.ศ. 2530-2533 อัตราการพอกพูนมีค่าเท่ากับ 84,025.16 ตารางเมตรต่อปี และข้อมูล พ.ศ. 2540-2542 โดยอัตราการพอกพูนมีค่าเท่ากับ 147,565.64 ตารางเมตรต่อปีส่วนอัตราการกัดเซาะมีค่าเท่ากับ 19,804.74 ตารางเมตรต่อปี ส่วนอัตราการกัดเซาะต่อปีมีค่ามากกว่าอัตราการพอกพูนต่อปี เช่นข้อมูล พ.ศ. 2533-2537 โดยอัตราการกัดเซาะมีค่าเท่ากับ 115,557.79 ตารางเมตรต่อปี ส่วนอัตราการพอกพูนมีค่าเท่ากับ 7,307.34 ตารางเมตรต่อปี ส่วนแบบที่ 3 อัตราการพอกพูนต่อปีมีค่าเท่ากับ หรือใกล้เคียงกับอัตราการกัดเซาะต่อปี เช่นข้อมูล ปี พ.ศ. 2542-2545 โดยการอัตราการพอกพูนค่าเท่ากับ 34,686.29 ตารางเมตรต่อปี ส่วนอัตราการกัดเซาะมีค่าเท่ากับ 21,794.30 ตารางเมตรต่อปี
ผู้สนใจพบได้ในงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคม 2547 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี กรุงเทพ ฯ
นักโภชนาการแนะนำการกินดี มีสุข เพื่อจะได้ไม่อ้วน
รศ.ดร.สุปราณี แจ้งบำรุง นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คนเรากินอย่างไรก็ได้อย่างนั้น จึงควรกินอย่างพอดี เช่น ไขมัน ไม่ควรเกินร้อยละ 25-30 โปรตีนไม่เกินร้อยละ 15 แป้งข้าว ร้อยละ 55-65 และควรกินสิ่งที่ร่างกายเราสังเคราะห์ไม่ได้ คือผักและผลไม้ ซึ่งมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ แต่ผลไม้หวาน ๆ ก็ควรจะลดลง เพราะผลไม้หวานมีน้ำตาลมาก และส่วนที่ควรลดก็คือของหวาน เพราะมีพลังงานส่วนเกิน ซึ่งร่างกายได้จากข้าวและแป้งอยู่แล้ว
อาหารไทย เป็นอาหารที่ดีที่สุด เพราะอุดมไปด้วยผักและผลไม้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่ผู้สูงอายุมักจะเป็น เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ และหลอดเลือดรวมทั้งมะเร็งบางชนิด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ซึ่งเดินทางไปหลายประเทศ มาพบอาหารไทย เขาบอกว่าอาหารไทยดีที่สุด เพราะไม่มีไขมันมาก ได้เส้นใยจากผัก ผลไม้ ซึ่งใยอาหารมีประโยชน์ ทำให้ ท้องไม่ผูก และ ลดความเสี่ยงจากมะเร็งทางเดินอาหาร
น.ส.ณัฐฐิรา ทองบัวศิริวิไล กรรมการสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงเด็กซึ่งมักจะอ้วน เนื่องมาจากการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง เพราะนิยมบริโภคอาหารประเภทเบเกอรี่ ประกอบด้วยเนย และสารอื่น ๆ ที่ให้พลังงานมาก รวมทั้งน้ำอัดลม ซึ่งมีน้ำตาล จึงให้พลังงานสูง เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่แบ่งเวลาให้กับการเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกาย มักนั่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ทำให้เด็กอ้วน ซึ่งจะส่งผลเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
ดังนั้น การบริโภคที่ถูกต้องจึงควรกินข้าว – แป้ง โดยเฉพาะข้าวกล้อง เพราะมีใยอาหารสูง และควรจะกินผัก-ผลไม้ให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารประเภทขนมกรอบ ๆ ซึ่งมักมีโซเดียมสูง มีน้ำตาลและไขมันมาก
ผู้สนใจเกี่ยวกับโภชนาการ ขอเชิญไปชมรายละเอียดได้ในงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2547 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จัดขึ้นตั้งแต่ 15 – 23 ตุลาคม 2547--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit