นายกฯ ทักษิณเน้นจุดแข็งเศรษฐกิจไทยในงาน “ไทยแลนด์ โฟกัส 2004”

กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการบริหารประเทศตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้บริหารกองทุนจากต่างประเทศในความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม และประกาศว่าจะเป็นรัฐบาลชุดแรกที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งจะอยู่ครบวาระ 4 ปี ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่องาน “ไทยแลนด์ โฟกัส 2004” ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เครดิตสวิส เฟริ์ส บอสตัน และเอบีเอ็น แอมโร ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ในวันนี้ (20 กันยายน 2547) นายกฯ ทักษิณได้เน้นผลงานและจุดแข็งในการบริหารโดยเฉพาะการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์กำไรของบริษัทจดทะเบียนรวมมากกว่า 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความแข็งแกร่งในพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยโดยรวม ซึ่งพร้อมจะรับกับความผันผวนในสถานการณ์โลก เช่นปัญหาราคาน้ำมันแพง การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการก่อการร้าย แม้ปัญหาต่างๆ นี้จะเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะหลายๆ ประเทศก็ต้องเผชิญด้วยเช่นกัน แต่นายกฯ ทักษิณก็ย้ำให้นักลงทุนมั่นใจว่ารัฐบาลมีขีดความสามารถด้านการวางแผน กำหนดนโยบาย การบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน และรักษาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในปีนี้จะยังคงสูงกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ “ไทยแลนด์ โฟกัส 2004” ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน ผู้จัดการกองทุน และนักธุรกิจการเงิน การธนาคาร ทั้งในและนอกประเทศกว่า 200 คน และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยเหมาะสำหรับเป็นแหล่งลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมทุกด้าน นายกฯ ทักษิณได้ชี้ให้เห็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2546 ซึ่งคึกคักอย่างมากเพราะดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 117 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 148 เปอร์เซ็นต์ และเป็นการเพิ่มที่สูงที่สุดในโลกทั้ง 2 ด้าน นายกฯ ทักษิณเน้นถึงความสำคัญของตลาดทุนและศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนาตราสารการเงิน และไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมทั้งภาคพื้นดิน การขนส่งสินค้าทางเรือ และธุรกิจการบิน ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการปี 2548 “ช่วงที่รัฐบาลเริ่มทำงานและแนะนำนโยบายใหม่ๆ หลายอย่าง ก็มีคำตัดสินล่วงหน้าว่าจะล้มเหลว แต่ใน ที่สุดรัฐบาลก็สามารถบริหารจัดการได้สำเร็จแม้จะต้องเผชิญปัญหาหนักๆ หลายอย่างเช่น โรคซาร์ส ไข้หวัดนก สงครามในอิรัก และที่สำคัญคือปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งเป็นเครื่องวัดความสามารถของรัฐบาล” นายกฯ ทักษิณกล่าว นายกฯ ทักษิณชี้ให้เห็นความสำเร็จด้านการมุ่งส่งสินค้าออก และความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดก็คือ ประเทศไทยไม่ได้เน้นเฉพาะด้านค่าแรงถูก หรือสินค้าราคาต่ำอีกต่อไป แต่แสดงให้เห็นการปรับปรุง คุณภาพการออกแบบของสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนั้น นายกฯ ทักษิณยังกล่าวอีกว่าปัญหาด้านหนี้ต่างประเทศและภายในประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับไม่น่าเป็นห่วง และกล่าวอีกว่าผู้ที่มักวิพากษ์ วิจารณ์รัฐบาลด้านเศรษฐกิจน่าจะไปหางานอื่นทำจะดีกว่า “หนี้ซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศได้ลดจาก 80 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 3 ปีก่อน จนเหลือน้อยกว่า 50 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะจ่ายหนี้คืนต่างประเทศ รวมทั้งไอเอ็มเอฟ ประเทศไทยก็ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 43 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่ากับมูลค่าสินค้านำเข้าในระยะเวลา 5 เดือน” นายกฯ ทักษิณกล่าว สิ่งที่นายกฯ ทักษิณตอกย้ำให้นักลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารการเงินก็คือ เอสแอนด์พี ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับระดับสำหรับประเทศไทยจาก BBB เป็น BBB บวก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างมาก “รัฐบาลสามารถใช้จ่ายเงินงบประมาณจนถึงระดับ 89.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการใช้เงินงบประมาณแบบขาดดุลในปีที่ผ่านมา” นายกฯ ทักษิณกล่าว ในประเด็นอื่นๆ ที่สำคัญ นายกฯ ทักษิณยังชี้ให้เห็นถึงการจัดเก็บภาษีจากภาคชนบทซึ่งมีอัตราเพิ่ม 18 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับภาคในตัวเมืองซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 13 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า การใช้นโยบายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมิได้ล้มเหลว นอกจากนั้นก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ และการขยายตัวของเศรษฐกิจแบบมีความมั่นคง และรัฐบาลได้เตรียมการลงทุนอีกมากมายในด้านการพัฒนาสาธารณูปโภค มาตรการเพิ่มผลผลิต การเพิ่มขีดความสามารถในภาคอุตสาหกรรม เครือข่ายการคมนาคม และการขนส่งมวลชน รวมทั้งการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน นายกฯ ทักษิณยังชี้ว่ารัฐบาลคาดว่าจะชนะสงครามกับความยากจนในปี 2552 หลังจากได้ดำเนินการขั้นต้น เช่นการลงทะเบียนคนจน และนโยบายให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ประเด็นอื่นๆ ซึ่งนายกฯ ทักษิณบอกกล่าวผู้เข้าร่วมงานก็คือ บรรยากาศเหมาะสมสำหรับการลงทุน ความสามารถในการจัดการ นโยบายที่แน่นอน และการบริหารโดยยึดหลักธรรมาภิบาล การมีวินัยด้านการเงิน การคลัง การควบคุมกำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ ด้านตลาดเงินและตลาดทุน นับว่าจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุน ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 – 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 – 2037/ ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 – 2049--จบ-- --อินโฟเควสท์ (นท)--

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

"เงินติดล้อ" ผนึกตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งปันไอเดีย การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในองค์กร

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม "Happy Money Sharing: Financial Well-Being Journey 2025" จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในองค์กร แก่ผู้แทนองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั้งหมด 28 องค์กร ให้สามารถไปปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กร สมาชิกในชุมชน หรือประชาชนทั่ว

มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิ... THNIC จับมือ SET และ ICANN จัดงาน UA Day 2025 ใช้โดเมนและอีเมลภาษาไทย ปูทางธุรกิจไทยก้าวสู่สากล — มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิค) ร่วมกับตลาดห...

นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ... RBF โชว์ศักยภาพธุรกิจ-แผนขยายตลาด ตปท. งาน "Thailand Earning Call" ปังธง ปี 68 รายได้รวม โต 10-15% — นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและก...

นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที... "MEDEZE" โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024 — นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรื...

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเ... SAFE โชว์กำไรฯปี 67 แตะ 167.09 ลบ. จ่ายปันผล 0.62 บ./หุ้น — นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวชนิดา พัธโนทัย (ขวา) ประธา...

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหา... "SNPS" ฉายภาพธุรกิจ งาน Opp Day โชว์กำไรปี 67 โตแรง 169% — ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายอชิตเดช อาชาไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่...