ไทยพาณิชย์จับมือโฮมโปรฯ รุกบริการรับ-ส่งเงินนอกสถานที่ ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาดบริการบริหารเงิน

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ธ.ไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์จับมือบริษัทโฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ ร่วมพันธมิตรธุรกิจบริการรับ-ส่งเงินนอกสถานที่ (SCB Cash Pick UP) ตั้งเป้าขยายฐานการตลาดด้านธุรกิจบริการบริหารเงิน (Business Cash Management) ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ธนาคารจึงครองความเป็นหนึ่งในด้านการให้บริการที่ครบวงจร (Universal Bank) เสมอมา ทุกผลิตภัณฑ์และบริการได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริการการจ่ายเงินอัตโนมัติ (SCB Direct Credit) การให้บริการด้วยช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (SCB Business net) บริการรับฝากเงินสดและเช็คเรียกเก็บ (SCB Local Collect) สำหรับบริการรับส่งเงินนอกสถานที่ (SCB Cash Pick Up) เป็นบริการที่ธนาคารจัดขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินสด และเสริมสภาพคล่องในการเบิกเงินตามกำหนดเวลา โดยสิ่งสำคัญที่ธนาคารมุ่งเน้นมากที่สุดคือความปลอดภัย ธนาคารจะมีระบบรักษาความปลอดภัย อย่างดีเยี่ยมในทุกขั้นตอน และมีการประกันภัยในการรับ-ส่งเงิน ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการเลือกใช้บริการกับธนาคาร ปัจจุบันธนาคารตั้งเป้าหมายจะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการบริหารเงิน โดยที่ผ่านมาธนาคารได้รับการเลือกใช้บริการ จากทุกกลุ่มธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ปตท. AIS DTAC ไทยน้ำทิพย์ โตโยต้า รวมถึงบริษัทในเครือ CP และมีแนวโน้มว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 25% ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากในปี 2547 ธนาคารมียอดรายได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 40% และตั้งเป้าจะเพิ่มยอดรายได้ในทุกผลิตภัณฑ์เป็นเงินประมาณ 950 ล้านบาท สำหรับบริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) นั้นถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ได้มอบความไว้วางใจใช้บริการโอนเงินอัตโนมัติ (SCB Media Cleaning) และการบริการโอนเงินอัตโนมัติในเครือข่ายเดียวกัน (SCB Liquidity Management System) ร่วมกับธนาคารมาแล้ว และการใช้บริการรับ-ส่งเงินนอกสถานที่กับธนาคารครั้งนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าบริษัทโฮมโปรฯ จะได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด เนื่องจากธนาคารมุ่งเน้นที่จะให้บริการทางการเงินที่ดีที่สุดในทุกด้าน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและอำนวยความสะดวกในการบริหารเงินแก่โฮมโปรฯ อย่างครบวงจร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ พิเชษฐ์, เขมลักษณ์ โทร. 02-544-4498, 4503--จบ-- --อินโฟเควสท์ (กภ)--

ข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด+โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์วันนี้

ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีผลวันที่ 3 มีนาคม 2568

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ 2.00% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินลดความตึงตัว สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ กนง. ประเมินไว้และสามารถรองรับความไม่แน่นอนข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด

"PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลคร... "PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ — "PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ รวมสุดยอดโปร LPGA และโปรกอล์ฟชั้นนำของไทยกว่า ...

รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา (กลาง) ประธ... 'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' แต่งตั้ง Underwriters เตรียมเสนอขายหุ้น IPO — รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา (กลาง) ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (ม...

เป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่จะได้รับปัจจัยบวกจ... 'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' จัดโรดโชว์นักลงทุนรายย่อย ผ่านระบบออนไลน์ 29 พ.ย.นี้ — เป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่จะได้รับปัจจัยบวกจากเทรนด์การใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพเละแนว...

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้... ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 — ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี ...

ธนาคารไทยพาณิชย์สำรองธนบัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำรองธนบัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เพื่อรองรับการใช้บริการของลูกค้า เป็นจำนวนเงิน 37,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% เนื่องจากการบริโภคของประชาชนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและนโยบายของภาครัฐทั้งในเรื่องการอัดฉีดเม็ด...