กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
สร้างทรูให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ
ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตคนไทย
วางยุทธศาสตร์บริษัทเพื่อการเติบโตอย่างเข้มแข็ง
เทเลคอมเอเซียเปลี่ยนชื่อและสัญลักษณ์บริษัทเป็น ทรู โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อสะท้อนถึงการเป็นผู้ให้บริการที่ผูกพันใกล้ชิดกับไลฟ์สไตล์และธุรกิจของลูกค้า รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจ สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านสื่อสารครบวงจร และสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมาย (Communications Solutions Provider and Lifestyle Enabler)
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะใช้สัญลักษณ์ ทรู ที่มีสีแดงสดใสเป็นเครื่องหมายของแบรนด์ ที่จะใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการในเครือเทเลคอมเอเซียเดิมทั้งหมด ถือเป็นการสร้างจุดแข็งและความได้เปรียบในการแข่งขัน นับว่าเป็นแบรนด์เดียว ซึ่งสามารถให้บริการโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ บริการไร้สาย อินเทอร์เน็ต/บรอดแบรนด์ บริการด้านข้อมูล รวมอยู่ในผู้ให้บริการเดียวกัน
ด้วยรายได้หมุนเวียนของกลุ่มบริษัทในเครือกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี (รวมยูบีซีและทีเอ ออเร้นจ์) และจำนวนเงินลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาท ในการสร้างโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทำให้ทรูกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของประเทศ
"สิ่งที่เราต้องการสื่อถึงกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคผ่านทรูซึ่งเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของเราก็คือ มิติใหม่ของการให้บริการ ซึ่งไม่เพียงผสมผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี เพื่อการสื่อสารและการให้บริการรับส่งข้อมูลเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงคุณค่าทางจิตใจด้วยการเติมเต็มวิถีชีวิตของผู้คนอีกด้วย" นายศุภชัยกล่าว
"จุดหมายของเราก็เพื่อให้ผู้คนได้เรียนรู้ บรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเหนือสิ่งใดก็คือ การได้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากพื้นฐานความเชื่อของแบรนด์ ที่ว่า "together, we are true"
"ในช่วงที่ผ่านมา เราได้ดำเนินกิจกรรมภายในองค์กรหลายๆ ด้าน เพื่อช่วยให้บุคลากรของเราสามารถเข้าใจถึงวิสัยทัศน์และคุณค่าความเป็นทรู ซึ่งพวกเราเชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงของแบรนด์เริ่มต้นจากภายในองค์กรเป็นอันดับแรก ภายใต้แบรนด์ใหม่พนักงานของทรูทุกคน จะยึดถือคุณค่าความเป็นทรู 4 ประการในการปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วย เชื่อถือได้ สร้างสรรค์ เอาใจใส่ และกล้าคิดกล้าทำ คุณค่าทั้งหมดนี้ถือเป็นแก่นที่จะสะท้อนถึงบุคลิกภาพของแบรนด์ ซึ่งประกอบด้วย กล้า จริงใจ แปลกใหม่ ทำให้ด้วยใจรักและสนุก ซึ่งเป็นบุคลิกที่เราต้องการให้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้" นายศุภชัยกล่าว
นายศุภชัย ยังกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ทรู ยังเตรียมนำเสนอบริการใหม่ๆ ในราคาประหยัดและเน้นคุณประโยชน์สำหรับผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลมาจากการประสานความร่วมมือในกลุ่มบริษัทภายใต้แบรนด์ใหม่ ที่ทำให้เกิดความคล่องตัวในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกันได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
ทรู ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรมปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ในระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ในช่วง 3 เดือนแรก เป็นจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ในการสื่อให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของบริษัท ตลอดจนคุณค่าความเป็นแบรนด์ทรูสู่สาธารณชน
ส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับเปลี่ยนทั้งหมด คือการให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มที่พักอาศัย กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจค้าส่ง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นายศุภชัยกล่าวว่า เป็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก พร้อมทั้งเพิ่มเติมว่า "บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีความต้องการของลูกค้าเป็นแรงผลักดันมาโดยตลอด และการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ก็ยังคงสอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว โดยเราได้เปลี่ยนจากการเป็นองค์กรที่ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานเพียงอย่างเดียว สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านสื่อสารครบวงจรหนึ่งเดียวของประเทศไทย"
"ขณะนี้ ทรู เป็นผู้ให้บริการสื่อสารผ่านสายรายใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีลูกค้าใช้บริการอยู่เกือบ 2 ล้านเลขหมาย และยังเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ตลอดจนเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ต บริการไร้สาย และโทรศัพท์มือถือ"
"ประโยชน์ในเชิงธุรกิจของการปรับภาพลักษณ์องค์กรเป็น ทรู คือการเปลี่ยนแนวคิดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้มอบบริการที่ตรงใจลูกค้า มากกว่าการเน้นถึงเทคโนโลยีและระบบ นอกจากนี้ยังมีส่วนทำให้บริษัทสามารถประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน เพิ่มการรับรู้และเสริมสร้างประสิทธิภาพทางการตลาด" นายศุภชัยกล่าว
"การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของบริษัท ที่มุ่งเสริมสร้างรากฐานให้ ทรู เจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้เรายังคาดว่า การเปิดเสรีโทรคมนาคมจะคืบหน้าเร็วยิ่งขึ้น โดยมีรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมมากขึ้น อีกทั้งยังจะขยายโอกาสให้ธุรกิจนี้สามารถเติบโตต่อไป"
"เรามองเห็นศักยภาพในการนำเสนอการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าที่พักอาศัย กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไปจนถึงกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ และคาดว่า ในอีกสองปีข้างหน้าบริการบรอดแบรนด์จะมีการขยายตัวและเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันทรูมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่มากกว่าร้อยละ 80 ในขณะที่ตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก"
"นอกจากนี้เรายังมีความเห็นว่า รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานจะเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จะมีความต้องการบริการโทรศัพท์พื้นฐานและบริการเสริมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอีก เช่น ความต้องการโทรศัพท์เลขหมายที่สองเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
"ตลาดบริการไร้สายจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 3.8 ล้านราย โดยมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 20 ในปี 2547 นี้ นอกจากนี้ เรายังคิดว่าความต้องการบริการด้านอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ความต้องการบริการรับส่งข้อมูลด้วยช่องสัญญาณขนาดใหญ่ในจังหวัดหลักๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย" นายศุภชัยกล่าวในที่สุด
สโลแกนของเราคือ
True Together
เป็นจริงได้ด้วยกัน
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ :
ประภาส : 02-6620484
จิตฤทัย : 01-8277354
โปรดปราน : 02-6439691 # 2--จบ--
-นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit