กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
"แชลเลนจ์ พรอพเพอร์ตี้" ทุ่ม 2,000 ล้านบาท ปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในโครงการ RCK Tower ให้มีประสิทธภาพ พร้อมเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น State Tower Bangkok เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ดึงมืออาชีพแต่ละส่วนลุยงานเต็มที่ ทั้ง Meritus Hotels & Resorts เพื่อดูแลเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์, พลัส พรอพเพอร์ตี้ ดูแลงานขายคอนโดมิเนียม
ดร.เชิดเกียรติ เชี่ยวธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แชลเลนจ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารโครงการ State Tower Bangkok เปิดเผยว่า บริษัทได้เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทและชื่อโครงการจากเดิมโครงการชื่อว่า RCK Tower บริหารงานโดยบริษัท โรยัล เจริญกรุง จำกัด มาเป็นการบริหารงานโดย บริษัท แชลเลนจ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด และเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เป็น State Tower Bangkok เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ดึงทีมงานมืออาชีพเข้ามาบริหาร
ดร.เชิดเกียรติ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการ State Tower Bangkok ในปัจจุบันว่าโครงการดังกล่าวเป็นอาคารสูง 68 ชั้น และชั้นใต้ดิน 6 ชั้น มีพื้นที่กว้างรวมทั้งสิ้น 330,000 ตร.ม.จัดเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วย ศูนย์การค้า คอมโดมิเนียม เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ สำนักงาน และโดม ซึ่งการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ 100% เหลือเพียงการปรับปรุงอาคารบางส่วนเพื่อให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น และการตกแต่งงภายใน ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยแต่ละส่วนได้เร่งดำเนินการ เพื่อให้เปิดบริการได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2546 ซึ่งโครงการ State Tower Bangkok นี้มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับห้องชุดของทั้วโครงการมีประมาณ 1,700 ยูนิต แบ่งเป็น ส่วนศูนย์การค้า 90 ยูนิต, คอนโดมิเนียม 650 ยูนิต , เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 500 ยูนิต , สำนักงาน 460 ยูนิต
ส่วน คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย ภายในอาคาร State Tower Bangkok มีจำนวนทั้งสิ้น 650 ยูนิต ขายไปแล้ว 400 ยูนิต และมีผู้เข้าอยู่อาศัยแล้วบางส่วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ บริษัท พลัส พรอพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแสนสิริ และมีความเชี่ยวชาญ ในการขายพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้ามาขายพื้นที่คอนโดมิเนียม 250 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะขายได้หมดภายใน 1 ปี
โดยพื้นที่ของคอนโดมิเนียม จะมีขนาดตั้งแต่ 68-200 ตร.ม.ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 60,000 บาท และเพนท์เฮาส์ พื้นที่ 400-500 ตร.ม. มีจำนวน 8 ยูนิต ราคาประมาณยูนิตละ 40 ล้านบาทข้นไป คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในย่านใจกลางเมือง ติดถนนสีลม จึงสะดวกในการติดต่อธุรกิจ และยังเพียบพร้อมด้วยบรรยากาศของวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
"ผมมั่นใจในการบริหารงานของพลัส พรอพเพอร์ตี้ ด้วยประสิทธิภาพการทำงาน ที่สามารถปิดโครงการต่างๆ ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และเชื่อในประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัยพ์ของ พลัส พรอพเพอร์ตี้ ว่าจะปิดการขายให้แก่คอนโดมิเนียมของ State Tower Bangkok ได้ซึ่งในอนาคตบริษัทฯ กำลังพิจารณาให้ พลัส พรอพเพอร์ตึ้ เข้ามาบริหารพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดของโครงการด้วย" ดร.เชิดเกียรติ กล่าว
Meritus Hotels & Resorts บริหารเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์
ส่วนการบริหารพื้นที่ เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ได้นำพื้นที่ 500 ยูนิต มาพัฒนาโดยมอบหมายให้ Meritus Hotels & Resorts จากประเทศสิงคโปร์ ผู้บริหารของกลุ่มเมอริดัสนับเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการบริหารเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ และโรงแรมมีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วเอเชีย ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งแกร่งให้แก่ State Tower Bangkok ได้เป็นอย่างดี
ภายใต้ข้อตกลงการเข้ามาบริหารเซอร์วิส อพาร์เม้นท์ ในชื่อ Meritus Suites State Tower ซึ่งจะรับบริหารเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยจะนำลูกค้าเครือข่ายของเมอริตัสที่กระจายอยู่ทั่วเอเชียให้เข้ามาพัก เช่น กลุ่มลูกค้าองค์กร ที่เช่าห้องไว้สำหรับให้พนักงานพักเมื่อต้องเดินทางมาทำธุรกิจในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยคาดว่าเมอริตัส จะหาผู้เช่าได้ไม่น้อยกว่า 70-80% ของจำนวนห้องพักที่เปิดให้บริการ
"ปัจจุบันตลาดเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ยังมีความต้องการอยู่มาก ซึ่งเราอาจได้ส่วนแบ่งการตลาดมาจากเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ อื่นๆ เนื่องจากโครงการของเรา มีทำเลที่ดีที่สุด ประกอบกับองค์ประกอบภายในโครงการที่เพียบพร้อม ขณะที่อัตราค่าเช่าจะคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในย่านใกล้เคียงกัน" ดร.เชิดเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดให้บริการ เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ได้ในปลายเดือนธันวาคม 2546 นี้ โดยธุรกิจนี้จะทำรายได้ให้แก่บริษัทฯ เดือนละไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเดือน
เตรียมเปิดพลาซ่า ปลายธันวาคมนี้
สำหรับพื้นที่ศูนย์การค้า ซึ่งมีพื้นที่ 4 ชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องประดับ จิวเวอรี่ ปัจจุบันมีผู้เช่าเกือบหมดแล้ว ส่วนชั้นที่ 2 จำหน่ายสินค้าประเภทเสื้อผ้าจากดีไซน์เนอร์ไทย ชั้น 3 จำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าโอทอป และชั้นที่ 4 เป็นร้านค้าบริการเช่น ร้านหนังสือ ร้านเสริมสวย ร้านทำผม เป็นต้น
ดร.เชิดเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ศูนย์การค้ามีผู้เช่าและผู้ซื้อพื้นที่เดิมที่บริษัทเคยเปิดขายเมื่อหลายปีก่อนน ซึ่งมีอยู่ 30-40% ที่ยังยืนยันจะเปิดร้านค้าในโครงการ ส่วนพื้นที่ที่เหลือบริษัทฯ ได้จัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านการขายพื้นที่ในศูนย์การค้า เพื่อนำเสนอพื้นที่ ซึ่งมีอยู่ 58 ยูนิต ให้กับร้านค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรง คาดว่าร้านค้าจะเข้าตกแต่งและเปิดให้บริการได้ประมาณ 50% ของจำนวนร้านค้าทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
"ศูนย์การค้าภายในโครงการจะเป็นศูนย์เล็กๆ ที่อบอุ่น เราไม่ต้องการคนเข้าศูนย์มากเพราะศูนย์นี้ทำเพื่อรองรับคนในอาคาร ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ใกล้กับโครงการ เป็นหลัก โดยสินค้าทั้งหมดที่นำเข้ามาจำหน่ายจะเน้นสินค้าที่มีดีไซน์ และไม่เหมือนใคร "ดร.เชิดเกียรติ กล่าว
ชู โดม เป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ
สำหรับพื้นที่ด้านบนส่วนที่เป็น โดม ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ชั้น จะจัดเป็นพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และร้านอาหาร ขณะนี้อยู่ระหว่างตกแต่งภายใน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ธันวาคม 2546 ทั้งนี้ ดร.เชิดเกียรติ กล่าวว่า โดม ซึ่งเปรียบเสมือนจุดเด่นของโครงการจะกลายเป็น จุดขายสำคัญที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยเข้ามาใช้บริการ โดยจะเป็นจุดชมวิวที่มีบรรยากาศดีที่สุดในกรุงเทพฯ และเชื่อว่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ ในอนาคตอันใกล้นี้
ดร.เชิดเกียรติ กล่าวอีกว่า จากส่วนผสมของการใช้พื้นที่ โดยได้ทีมผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาบริหาร โครงการนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้ State Tower Bangkok เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่พร้อมจะเปิดให้บริการสมบูรณ์แบบในเดือนพฤษภาคม 2547
ข้อมูลประกอบประชาสัมพันธ์
ของนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์
ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด
ทั้งนี้ สเตท ทาวเวอร์ ยังได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน การคมนาคมที่สะดวกสบายใกล้แหล่งชุมชน โดยบริษัทฯ ได้มอบหมายหน้าที่ ในการบิรหารการขายให้แก่บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ หนึ่งในผู้นำด้านตลาดรับบริหารการขายโครงการคอนโดมิเนียมในเขตใจกลางเมือง โดยนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานอำนวยการ เปิดเผยว่า "ในปัจจุบันคอนโดมิเนียมมีศักยภาพ ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่มากโครงการสเตท ทาวเวอร์ ถือว่าเป็นโครงการที่มีศักยภาพเพียงพอในการดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากนัก เพราะความพรั่งพร้อมในตัวเอง กล่าวคือ ภายในโครงการเดียวผู้อยู่อาศัยจะได้รับความสะดวกสบายจากส่วนของ Shopping Mall ส่วนของโรงแรมที่เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใครแถมยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่งมองจากภาพรวมพบว่าโครงการดังกล่าวน่าจะมีทวีมูลค่าโครงการให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง--จบ--
-สก/นห-