คิงฟิชทูน่า ทุ่ม 30 ล้านบาท รุกตลาดทูน่ากระป๋องไทย พร้อมตั้งเป้าโตจากตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา

กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--อาซาตซู บริษัทคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้ผลิต และผู้ส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ ฉลองครบรอบ 31 ปี แห่งความสำเร็จจากการส่งออกอาหารแช่แข็งและในบรรจุภัณฑ์กระป๋อง โดยประกาศรุกตลาดปลาทูน่ากระป๋องในประเทศไทย พร้อมเปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋องในรูปแบบที่ทันสมัย วางงบประมาณในการทำตลาดไว้ประมาณ 20-30 ล้านบาท ระบุปีนี้จะเติบโตขึ้นกว่าปีที่แล้ว 50% จากยอดรวมของบริษัท นายเดชา ศรีวีรเดชา ประธาน บริษัท คิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยถึงการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาว่า คิงฟิชเชอร์ เป็นบริษัทแรกของไทยที่ทำธุรกิจส่งออกปลาทูน่ากระป๋องไปต่างประเทศ จากจุดเริ่มต้นของบริษัทที่เริ่มทำธุรกิจผลิตปลาทูน่ากระป๋อง จนกระทั่งขยายเครือข่ายธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ประกอบการบรรจุอาหารกระป๋องแห่งแรกที่มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์กระป๋องขึ้นเอง และมีการตั้งบริษัทลูกที่ประเทศนิวซีแลนด์เพื่อดูแลการทำตลาดต่างประเทศ และการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง โดยมีตลาดหลักคือ อเมริกา และยุโรป จากจุดแข็งของบริษัทในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโนฮาวในการผลิตที่ทันสมัย คุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ซึ่งได้รับการยอมรับในตลาดโลก ผนวกกับการที่บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท มารูฮ่า คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด หนึ่งในธุรกิจยักษ์ใหญ่ส่งออกอาหารทะเลของญี่ปุ่น ทำให้บริษัทเป็นองค์กรที่มั่นคง และมีศักยภาพยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของวัตถุดิบที่มาจากไทย และญี่ปุ่น กระบวนการผลิตที่ทันสมัย และช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีเครือข่ายมากขึ้น อีกทั้งบุคลากรที่มากด้วยประสบการณ์ ประกอบการวิจัยและค้นคว้าผลิตภัณฑ์ ซึ่งทางบริษัทให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมกับตลาดในแต่ละภูมิภาคที่มีความต้องการต่างกัน รวมไปถึงพันธมิตรคู่ค้าที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้การเติบโตของคิงฟิชเชอร์ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงมาตลอด 3 ทศวรรษที่ดำเนินงานมาดังจะเห็นได้จากรางวัลที่ได้รับ อาทิ Asia Pacific Award สำหรับการเป็นผู้ส่งออกดีเด่นประจำปี 2536, รางวัลส่งออกของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ประจำปี 2538 และในปี 2542 ยังได้รับประกาศนียบัตรผู้ส่งออกที่มีผลประกอบการดีจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในทศวรรษใหม่ในปี 2546 นี้ นายโตชิคะสุ ทะนะกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะหันมารุกตลาดภายในประเทศมากขึ้นเนื่องจากตลาดในประเทศไทยที่มีแนวโน้มจะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต เพราะคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ ซึ่งปลาทูน่านั้นให้สารอาหารที่มีคุณค่า และจากจุดแข็งและความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกจะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับของคนไทย โดยบริษัทได้วางงบประมาณไว้ ประมาณ 20-30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างแบรนด์ "คิงฟิช ทูน่า" ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคคนไทย โดยชูจุดขายที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีความ "อร่อย" เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ผ่านทางสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาด อาทิ การแจกตัวอย่างสินค้าตามอาคารออฟฟิศย่านใจกลางเมืองหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า โดยในระยะเริ่มต้นบริษัทแนะนำผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า 3 ชนิดในรูปแบบฉลากใหม่ที่ทันสมันกว่าเดิม คือ ปลาทูน่าในน้ำมันพืช ในน้ำเกลือ และทูน่าแซนด์วิช ในส่วนของการลงทุนด้านการผลิต บริษัทได้เปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ เพื่อรองรับกับตลาดที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากร และสนับสนุนพันธมิตรคู่ค้าในการมุ่งไปสู่ความสำเร็จพร้อมกัน ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังให้ความสำคัญกับการวิจัย ค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งนี้เพื่อให้สินค้าเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในด้านต่าง ๆ ตลอดจนการสนับสนุนคู่ค้าเพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จพร้อมกัน โดยบริษัทคาดหมายว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศคิดเป็นอัตราส่วนเท่ากับ 20% โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทจะเติบโตขึ้นกว่า 50% จากตลาดส่งออกทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และ โอกาสในการทำตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในลักษณะ Value Added Food ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมต่อไปในอนาคต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท อาซาตซู (ประเทศไทย) จำกัด บุศรินทร์ สันธนศิริ ปาระณี ภู่วิจิตร / เพียงใจ สุทธิรักษ์ จิรัชญา แก้วรัตนชัยกุล / ภัทรไชย ไทยทวีวัฒนกุล โทรศัพท์ 0-2367-5951 ต่อ 116-119 โทรสาร 0-2367-5777--จบ-- -ปส-

ข่าวอาหารแช่แข็ง+ส่งออกอาหารวันนี้

SCGP เผยกำไรไตรมาสสองแกร่ง 1,485 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภค ชูศักยภาพการบริหารต้นทุน รุกขยายธุรกิจเพิ่มในอาเซียน รองรับตลาดฟื้นตัวต่อเนื่อง

SCGP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ทำรายได้ 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะที่สามารถทำกำไรสำหรับงวดแข็งแกร่งที่ 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากไตรมาสก่อน จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นกลยุทธ์การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตสูงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง การส่งออกอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง และการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น มองแนว

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือน แอมโมเนียรั่วไหล อุบัติภัยจากโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็น — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือน แอมโมเนียร...

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำ... คิวเฟรช คืนกำไรพันธมิตรจัดเชฟเทเบิ้ลรอบพิเศษ พร้อมโชว์ศักยภาพผู้นำอาหารทะเลแช่แข็งระดับโลก — บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำโดยนายธีรพงศ์ จันศิร...

ดีพีเวิลด์ยกงานวิจัย แนะเพิ่มอุณหภูมิอาหารแช่แข็งเพียงสามองศา จาก -18 เป็น -15 องศาเซลเซียส ก็ลดการปล่อยคาร์บอนได้แล้ว

การศึกษาวิจัยทางวิชาการสรุปว่าการเพิ่มอุณหภูมิมาตรฐานของอาหารแช่แข็งโดยส่วนใหญ่ 3 องศาสามารถลดการปล่อยคาร์บอนเทียบเท่ากับการนำรถ 3.8 ล้านคันออกจากถนน การลดการปล่อยคาร์บอนนี้จะเทียบ...

บริษัท ฟู้ดส์ คลาสสิค จำกัด ผู้นำเข้าและจ... Foods Classic ผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารแนวหน้า ร่วม Campaign Made in JAPAN on tour โดย เจโทร กรุงเทพฯ — บริษัท ฟู้ดส์ คลาสสิค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายวัต...

"อาหารแปรรูป" ทานมากไป เสี่ยงขาดสารอาหาร ... "อาหารแปรรูป" ทานมากไป เสี่ยงขาดสารอาหาร แก่ก่อนวัย สมองเสื่อม จริงหรือ? — "อาหารแปรรูป" ทานมากไป เสี่ยงขาดสารอาหาร แก่ก่อนวัย สมองเสื่อม จริงหรือ? ปัจจุบ...