สธ.ระดมกลุ่มตลาดสดและห้างสรรพสินค้า มอบนโยบายขายอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--อย. สธ. เผยตัวเลขผลการตรวจอาหารในตลาดสด พบยังคงมีการปนเปื้อนของสารอันตรายต้องห้าม ถึงแม้สารปนเปื้อนบางตัวมีแนวโน้มลดลง เรียกประชุมกลุ่มตลาดสดและห้างสรรพสินค้าด่วน ย้ำชัดให้เลือกแต่อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อนมาจำหน่าย นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการอบรมเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการควบคุมดูแลอาหารในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าว่า เนื่องจากตลาดสดและห้างสรรพสินค้าเป็นแหล่งจำหน่ายอาหารโดยตรงสู่ผู้บริโภค หากผู้จำหน่ายนำอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารอันตรายมาจำหน่าย ผู้บริโภคย่อมได้รับอันตรายจากสารนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และได้เร่งแก้ไขมาโดยตลอด โดยตั้งแต่ปี 2543 ได้ดำเนินโครงการ "ตลาดสะอาด" เพื่อกระตุ้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันมาสนใจดูแลตลาดสดให้สะอาดถูกสุขลักษณะ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าตลาดยังคงมีปัญหาหลายด้าน เช่น ความสะอาด ขยะ คุณภาพของสินค้า การปลอมปน สารพิษตกค้าง เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุขจึงมีมาตรการต่อเนื่องในการพัฒนาแหล่งจำหน่ายนี้ให้เป็น "ตลาดสดน่าซื้อ" โดยเน้นในเรื่องความสะอาดสดใส บริการประทับใจ ปลอดภัยปลอดพิษ ได้มาตรฐานถูกต้อง และคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งมีนโยบายในการขยายผลการพัฒนาตลาดสดทุกท้องถิ่นต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ยังจัดทำโครงการ "อาหารปลอดภัย" โดยเน้นให้อาหารที่จำหน่ายในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าเป็นอาหารที่ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนด้วย ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังได้เร่งรัดตรวจจับผู้จำหน่ายอาหารผิดกฎหมาย โดยนำทีมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิดที่จำหน่ายในตลาดทั่วประเทศ ผลปรากฏว่า ยังมีการผลิตและจำหน่ายอาหารบางส่วนที่มีการใช้สารอันตราย เช่น กรณีของสารเร่งเนื้อแดง ในปี 2545 กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างเนื้อสัตว์จากแหล่งจำหน่ายในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคเหนือตอนล่าง ทั้งหมด 347 ตัวอย่าง เพื่อตรวจหาสารซาลบูตามอลหรือสารเร่งเนื้อแดง พบมีสารตกค้างจำนวน 289 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 83 และหลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์โครงการอาหารปลอดภัย โดยนำเรื่องสารเร่งเนื้อแดงมารณรงค์เป็นเรื่องแรกให้ประชาชนทราบถึงภัยอันตราย และออกกวาดล้างตามแหล่งผลิตและแหล่งจำหน่ายอย่างจริงจัง ทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลง โดยในเดือนเมษายน 2546 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างเนื้อสัตว์จากแหล่งจำหน่ายในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ จำนวน 170 ตัวอย่าง พบว่ามีสารตกค้างจำนวน 45 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 26.47 อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องการให้อาหารที่มีสารอันตรายปนเปื้อนวางขายอยู่ในแหล่งจำหน่ายใดอีก ดังนั้น จึงได้ใช้มาตรการรวมพลังในทุกๆ จังหวัดเร่งกวาดล้างอาหารที่มีสารอันตรายทั้งสารเร่งเนื้อแดง บอแรกซ์ สารกันเชื้อรา สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารฟอกขาว และฟอร์มาลีน ให้หมดไป โดยใช้มาตรการทางกฎหมายให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติ คือ ผู้ขาย หากพบการฝ่าฝืนครั้งแรกให้ตักเตือน และสอบสวนหาแหล่งผลิตและแหล่งลักลอบนำเข้าสารอันตราย หากยังคงพบการฝ่าฝืนครั้งต่อไปจะดำเนินคดีทันที ส่วนกรณีผู้ผลิตจะดำเนินคดีทุกราย นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับการประชุมกลุ่มผู้ประกอบการตลาดสดและห้างสรรพสินค้าในวันนี้เป็นอีกหนึ่งมาตรการในการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในอาหาร โดยตนได้ขอให้กลุ่มดังกล่าวซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอาหารคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก และขอให้ความร่วมมือกันในการควบคุมผู้ผลิตไม่ให้ใส่สารปนเปื้อนต้องห้ามในอาหารด้วยการไม่ซื้ออาหารนั้นมาจำหน่าย หากทุกฝ่ายร่วมมือกันในการควบคุมผูผลิตไม่ให้สารปนเปื้อนต้องห้ามในอาหารด้วยการไม่ซื้ออาหารนั้นมาจำหน่าย หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน การใช้สารอันตรายต้องห้ามต่างๆ ก็จะหมดไปในที่สุด--จบ-- -นค/พห-

• ข่าวสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
• ข่าวกระทรวงสาธารณสุข
• ข่าวสุดารัตน์ เกยุรา
• ข่าวห้างสรรพสินค้า
• ข่าวกระทรวงสาธารณ