สธ. สรุปผล 25 วันหลังขีดเส้นตาย ตั้งแต่ 15 เม.ย. 46 เนื้อหมูต้องไม่มีสารเร่งเนื้อแดง

กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--อย. สธ. ระดมเจ้าหน้าที่เก็บเนื้อหมูจากแผงจำหน่ายทั่วประเทศ ส่งตรวจเข้ม หาสารเร่งเนื้อแดง หลังจากรัฐบาลประกาศให้โอกาสผู้เลี้ยงสุกรและผู้จำหน่ายเนื้อสุกรปรับตัว จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2546 เมื่อครบกำหนดพบว่ายังมีผู้ฝ่าฝืนจำหน่ายเนื้อหมูปนสารเร่งเนื้อแดงอีกกว่าร้อยละ 34 สั่งลงโทษตามกฎหมายทุกรายพร้อมเผยรายชื่อจังหวัดที่ตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมู นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า จากการที่ พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประกาศให้ประเทศไทยจะต้องก้าวไปสู่การเป็นครัวของโลกและคนไทยต้องบริโภคอาหารปลอดภัยภายใน 1 ปี และรัฐบาลได้กำหนดเร่งรณรงค์เนื้อหมูปลอดสารเร่งเนื้อแดงเป็นตัวแรกโดยประกาศต่อสาธารณะให้ผู้เลี้ยงหมูและผู้จำหน่ายหมูปรับตัวและขีดเส้นให้จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2546 เมื่อครบกำหนด เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกเก็บเนื้อหมูตามแผงจำหน่ายทั่วประเทศส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ผลวิเคราะห์ที่เสร็จแล้วถึง 9 พฤษภาคม 2546 จำนวน 207 ตัวอย่าง พบว่าในภาพรวมการปนเปื้อน สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมูที่จำหน่ายตามแผงต่างๆ ลดลงจากก่อนเริ่มรณรงค์ที่พบการปนเปื้อนถึงร้อยละ 83 เหลือเพียง ร้อยละ 34 แต่ในหลายจังหวัดผู้จำหน่ายและผู้เลี้ยงยังไม่ใส่ใจ ยังตรวจพบการปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมูที่จำหน่ายอยู่มากเกินกว่าร้อยละ 50 ได้แก่เนื้อหมูที่จำหน่ายในจังหวัด สุโขทัย ตาก อุทัยธานี พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ น่าน สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช จังหวัดที่ยังพบการปนเปื้อนมากกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ อ่างทอง นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ แพร่ ชุมพร จังหวัดที่พบการปนเปื้อนน้อยกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร สำหรับผลการตรวจวิเคราะห์ในจังหวัดอื่น จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป นางสุดารัตน์ กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายทุกรายที่ตรวจพบว่าจำหน่ายเนื้อหมู ที่ปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง เนื่องจากได้ตักเตือนและขอความร่วมมือมานานพอสมควรแล้ว โดยเป็นความผิดฐานจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนผู้ผลิตได้แก่ผู้เลี้ยงในฟาร์มต่างๆ ได้ประสานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งรับผิดชอบในฟาร์มดำเนินตามกฎหมายต่อไป กระทรวงสาธารณสุขขอเตือนผู้จำหน่ายว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนไทยมีความปลอดภัยในการบริโภคอาหารให้ได้ อย. จึงได้จัดสัมมนา "โฆษณายา ปี 2546" ขึ้นโดยเชิญผู้เกี่ยวข้องกับวงการโฆษณา ผู้ผลิตงานโฆษณาตัวแทนสื่อโฆษณา ผู้ประกอบการด้านยามาร่วมประชุมสัมมนาทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอนุญาตโฆษณายาและระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถจัดการรูปแบบหรือแนวคิดโฆษณาให้มีความเป็นไปได้ โดยไม่ขัดแย้ง หรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย ทำให้การขออนุญาตเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกับการโฆษณาทั้งภาครัฐและเอกชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก่อให้เกิดความเข้าใจและมีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องในทิศทางเดี่ยวกัน ในการที่จะทำให้โฆษณายาเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากข้อมูลโฆษณาอย่างชัดเจน ไม่สับสน เป็นการขจัดปัญหาการโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมายได้ทางหนึ่ง และยังเป็นการเสริมประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หวังว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ จะนำความรู้ ความเข้าใจใน หลักเกณฑ์มาใช้ในการโฆษณายา ให้ถูกต้องเหมาะสม ลดปัญหาการโฆษณายาโอ้อวดเกิดจริง แต่หากยังมีการโฆษณายาที่กระทำไม่ถูกต้องตามระเบียบอีก อย. จะดำเนินการกฎหมายทันที--จบ-- -นท/พห-

• ข่าวสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
• ข่าวกระทรวงสาธารณสุข
• ข่าวสุดารัตน์ เกยุรา
• ข่าวทักษิณ ชินวัตร
• ข่าวกระทรวงสาธารณ