บทสัมภาษณ์พิเศษเรื่องโรคหัวใจโดย "ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์" จากโรงพยาบาลกรุงเทพ

กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--โรงพยาบาลกรุงเทพ โรคหัวใจ เป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทย และประชากรทั่วโลกเสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่ง การรักษาโรคหัวใจเพื่อการยืดชีวิตให้ยาวนานขึ้น จึงเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องอยู่เสมอ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ร่วมกับความสามารถของแพทย์ที่พัฒนาขึ้น ทำให้โรคหัวใจเป็นโรคที่รักษาได้ง่าย และมีความปลอดภัยว่าเดิมมาก มีแพทย์ไทยท่านหนึ่งได้มีบทบาทในการคิดค้นพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคหัวใจมากที่สุดในขณะนี้ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันเพื่อการรักษาโรคหัวใจที่มีชื่อเสียงในอเมริกา คุณหมอเป็นแพทย์ไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับปริญญาเอกด้านศัลยศาสตร์จากนั้นได้เป็นอาจารย์และให้การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ในอเมริกากว่า 30 ปี ขณะอยู่ในอเมริกา คุณหมอเป็นแพทย์ไทยและต่างชาติคนเดียวที่ได้รับตำแหน่งนายกสมาคมในองค์กรใหญ่ที่เกี่ยวกับศัลยกรรมทรวงอก และเป็นชาวต่างชาติคนเดียวที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ Humanitarian Award นอกจากนั้นแล้วยังได้รับการ vote ให้เป็น One of the Best Doctors in USA และ Top Doctors in the Minnesota ..คุณหมอเป็นแพทย์โรคหัวใจ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในอเมริกา ขณะนี้คุณหมอกลับมาให้การรักษาผู้ป่วยในเมืองไทย และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์หัวใจกรุงเทพ …ควบคู่กับการรับเชิญเป็นวิทยากรเพื่อให้ความรู้ด้านการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหัวใจแก่ศัลยแพทย์ทั่วโลก ด้วยเกียรติประวัติและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่คุณหมอได้รับขณะอยู่ต่างแดนเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของท่านเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้มีความหมายและความเป็นมาอย่างไร เป็นสิ่งที่เราจะทราบรายละเอียดหลังจากการพูดคุยกับคุณหมอในวันนี้ "ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์" คุณหมอตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาทันทีหลังจบแพทย์ที่ประเทศไทย ตามคำแนะนำของนพ.ดร. Eiseman หลังเรียนจบแพทย์ที่ศิริราช ผมตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกา ตามคำแนะนำของ Dr.Ben Eiseman ซึ่งขณะนั้นท่านมีตำแหน่งเป็น Chairman Department of Surgery ของมหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ ซึ่งท่านมาสอนพวกเราที่ศิริราชขณะที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์ปีที่ 3 ต่อมาเมื่อจบผมได้เดินทางไปเป็น Intern อยู่ในมหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้เป็นเวลา 1 ปี เมื่อจบ Intern ผมได้รับเลือกจากพยาบาลและ Resident ให้เป็น The Best Intern of the Year ซึ่งผมก็แปลกใจ เพราะได้รับรางวัล ขณะที่เรียนอยู่เพียงปีแรก แต่ผมก็ได้ทราบในตอนหลังว่าโดยปกติเมื่อถูกตามในเวลากลางคืน จะไม่มีแพทย์คนไหนลงไปดูคนไข้โดยตลอด แต่ที่ผมได้ลงไปดูคนไข้ทุกครั้ง เหตุผลส่วนหนึ่งก็ เป็นเพราะผมห่วงคนไข้ แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตอนนั้นผมฟังพยาบาลทางโทรศัพท์ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ระหว่างการทำปริญญาเอกที่มินิโซต้า คุณหมอจะต้องเข้ารับการ Training ควบคู่กับการเรียนและการสอบ PhD Thesis ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างหนักและต้องอาศัยความอดทนพอควร หลังจากผมจบอินเทิร์นแล้ว ผมย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยมินิโซต้า ได้รับการ Training ทั้ง General และ Thoracic Surgery ควบคู่ไปกับการเรียนหนังสืออย่างหนัก .ซึ่งต้องใช้ความมานะ พยายามและอดทนพอควร เพื่อให้ได้เครดิตทำ PhD Thesis ด้วย เป็น resident และเรียนหนังสือ ไปด้วยในที่สุดผมได้เครดิตเพียงพอที่ทำให้สามารถเขียน Thesis เกี่ยวกับผลของการวิจัย จบทั้งการ Train และเรียนหนังสือจากมหาวิทยาลัย Minnesota ในเวลา 7 ปี ย้อนไปนิดหนึ่งคือว่าเมื่อเป็น resident ปีที่สองผมกับ advisor คือ Dr.Aldo Castaneda มีความสนใจที่จะทำการผ่าตัดหัวใจในเด็กแรกเกิดโดยใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมซึ่งในขณะนั้นยังทำกันไม่ได้ จึงตัดสินใจว่าเราจะทำการวินิจฉัยในลูกสุนัขเกิดใหม่ ในช่วงการทำวิจัยผ่าตัด คุณหมอกิติพันธ์ได้ทำการศึกษาทดลองการผ่าตัดหัวใจในสุนัขแรกเกิด โดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมเพื่อหาหลักการที่จะให้มีความปลอดภัยถึงจุดที่จะนำมาใช้ในเด็กได้ ตอนนั้นผมอยากจะเห็นความสำเร็จในการผ่าตัดหัวใจในเด็กแรกเกิด ซึ่งในขณะนั้นยังทำกันไม่ได้ เพราะมีผลแทรกซ้อนทางเลือด ทางปอดและไตเยอะมากและเด็กเล็กจะไม่รอดเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมกับ advisor ตกลงที่จะเริ่มทำการทดลองในลูกสุนัขแรกเกิดก่อน โดยผมนำลูกสุนัขแรกเกิดน้ำหนัก 1-2 ก.ก.มาทำการทดลอง ดูผลเสียของการใช้เครื่องหัวใจเทียมในสัตว์แรกเกิดว่ามีผลต่อปอด เลือด ไต ตับอย่างไรบ้าง และจะทำการแก้ไขอย่างไร จำได้ว่าช่วงนั้นผมต้องเฝ้าดูลูกสุนัขเสมือนดูแลเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งหลังเวลาผ่าตัด กลางคืนก็ต้องนอนเฝ้าเหมือนกัน ทำอยู่ 2 ปีก็ได้ผลสรุป จึงได้เขียนเป็นวิทยานิพนธ์เรื่องผลสำเร็จในการผ่าตัดหัวใจในสุนัขแรกเกิดโดยใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม และหลังจากนั้นวิธีการผ่าตัดโดยใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมแบบนี้ ก็ได้ถูกนำไปใช้กับการผ่าตัดเด็กแรกเกิดที่มหาวิทยาลัยมินิโซต้าตั้งแต่นั้นมาครับ จวบจนถึงปัจจุบันนับได้ว่าคุณหมอเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับปริญญาเอกทางการผ่าตัด ผมได้ปริญญาเอกทางการผ่าตัด หลังจบจากการทำการวิจัยและเขียนวิทยานิพนธ์แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจสำหรับผมเรื่องหนึ่งในตอนนั้น และผมก็เพิ่งจะทราบว่าจนถึงปัจจุบันผมเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับปริญญาเอกทางการผ่าตัด เมื่อผมจบแล้วผมได้งานเป็นอาจารย์อยู่ที่ University of Texas Health Science Center ในรัฐ San Antonio อยู่ 6 ปี และได้ Associate Professor ผมสนใจเกี่ยวกับการทำวิจัยและการสอนหนังสือ ผมจึงสนุกกับการทำงานที่นั่นมาก ผมได้มีโอกาสสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย เป็นแพทย์ผ่าตัดที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ผมได้เจ้านายที่ดีซึ่งสอนวิธีการทำวิจัย การเขียน paper, การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติต่าง ๆ จากนั้นคุณหมอได้ย้ายมาที่รัฐมินิโซต้า และร่วมก่อตั้งสถาบันโรคหัวใจ ซึ่งในระยะหลัง เป็นสถาบันโรคหัวใจที่ให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยรวมทั้งการผ่าตัดหัวใจที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 10 ของอเมริกา ผมย้ายกลับมามินิโซต้า เพราะเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่มินิโซต้า มีความคิดที่จะตั้งสถาบันหัวใจของเราเอง ช่วงนั้น ผมกับเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้ง Minneapolis Heart Institute และ Minneapolis Heart Institute Foundation โดยในตอนแรกเรามีหมอเพียง 6 คน คือ อายุรแพทย์หัวใจ 3 คน และศัลยแพทย์หัวใจ 3 คน จนถึงปัจจุบันนี้ มีหมอประมาณ 60 คน และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกประมาณ 150 คน ถือได้ว่าเป็นสถาบันรักษาโรคหัวใจที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก เมื่อกลับมาที่รัฐมินิโซต้า คุณหมอได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมสำคัญ 2 แห่ง หลังจากกลับมาไม่นาน ผมได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม C.Walton และ Richard C.Lillehei Society ซึ่งเป็นสมาคมอันทรงเกียรติที่ได้จัดตั้งขึ้นหลังจาก The Lilleheis บิดาของการผ่าตัดหัวใจได้เสียชีวิตลง ในขณะที่ทำงานอยู่ผมก็ได้ก่อตั้ง และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนแรกของ Minnesota Society of Thoracic Surgeons ในรัฐมินิโซต้า ทั้งนี้เพราะในช่วงนั้นแพทย์มีความจำเป็นต้องต่อสู้กับบริษัทประกันภัย เพื่อที่จะรักษาสิทธิของแพทย์และมาตรฐานการรักษา สมาคมใหม่ได้วางรากฐานและกฏต่างๆ ไว้ให้สำหรับแพทย์ผ่าตัดหัวใจในรัฐทุกคนและทุกสถาบันในรัฐมินิโซต้า ปัจจุบันนี้สมาคมศัลยแพทย์ในรัฐต่างๆ ก็ได้นำเอาหลักการ แนวคิดและข้อปฏิบัติดังกล่าวไปใช้อย่างกว้างขวางในรัฐของตน รวมทั้งสมาคมโรคทรวงอกของอเมริกาด้วย นอกจากนี้คุณหมอยังเป็นคนไทย และคนต่างชาติคนเดียวที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในสมาคมของศัลยแพทย์ทรวงอกทางภาคใต้ของอเมริกา แม้ว่าจะย้ายไปอยู่ทางเหนือของอเมริกาแล้วก็ตาม ผมได้รับเลือกให้เป็น Vice President , President และ Chairman of the Board ของ Southern Thoracic Surgical Association ซึ่งเป็นองค์กรที่ใหญ่อันดับที่ 3 ของอเมริกาด้าน Thoracic และ Cardiovascular Surgery สมาคมนี้มีสมาชิกประมาณ 1,500 คน ผมถือว่าเค้าให้เกียรติผมมาก แม้ว่าผมจะย้ายออกจาก San Antonio ไปอยู่มินิโซต้า ตอนเหนือของอเมริกาแล้วก็ตาม สมาชิกยังเลือกผมเป็นนายกสมาคม ผมได้มีโอกาสทำงานหลายอย่าง โดยเฉพาะงานบริหารและการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดสนับสนุนสมาคมให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น คุณหมอกิติพันธ์ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม หรือการผ่าตัดแบบ Off-Pump ซึ่งเป็นวิทยาการทางการผ่าตัดซึ่งให้ผลดีแก่ผู้ป่วยมากขึ้น ในช่วงปี 1995 มีผมและหมอผ่าตัดกลุ่มเล็กๆ กว่า 10 คนในอเมริกา ได้ทำการทดลองทำการผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม หรือเรียกว่าวิธี "Off-Pump" ในสถาบันของตนเอง หลังจากที่ในอดีตได้มีผู้ที่พยายามทดลองวิธีการดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้การพยายามพัฒนาวิธีการดังกล่าวก็เนื่องจากการผ่าตัดด้วยการใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมยังทำให้เกิดผลแทรกซ้อนต่อ ไต ปอด และการแข็งตัวของเลือดอยู่ และในปี 1966 คณะแพทย์กลุ่มดังกล่าวได้มีการจัดประชุม Minimally Invasive Cardiac Surgery ที่ Minneapolis เพื่อนำเสนอวิธีผ่าตัดแบบแผลเล็กและไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม หลังจากนั้นมาการผ่าตัดด้วยวิธี Off-Pump ก็ค่อย ๆ เป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น ได้มีการเขียนบทความวิชาการถึงข้อดีข้อเสียของวิธีการผ่าตัดดังกล่าว ในวารสารของสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำหลายสถาบัน ทำให้ปัจจุบันวิธีการผ่าตัดแบบ Off-Pump เป็นที่แพร่หลายและยอมรับกันในสถาบันแพทย์ผ่าตัดหัวใจชั้นนำทั่วโลก ได้มีการจัดตั้งสมาคม The International Society for Minimally Invasive Cardiac Surgery และทางสมาคมได้จัดประชุมเพื่อพัฒนาและเผยแพร่วิทยาการนี้แก่ศัลยแพทย์ทั่วโลกทุกปี ซึ่งในขณะนี้ผมดำรงตำแหน่ง Senior Advisor อยู่ ขณะใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา คุณหมอได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย จนในปี 1999 คุณหมอเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดและหมอต่างชาติคนเดียวที่ได้รับรางวัล humanitarian ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบสำหรับผู้ทำประโยชน์ให้สังคมของอเมริกา Humanitarian Award เป็นรางวัลที่รัฐมอบให้บุคคลทั่วไป 1 คน และแพทย์หนึ่งคนเป็นประจำทุกปีที่ได้ทำประโยชน์ให้สังคม โดยรางวัลนี้ได้มอบให้ผู้มีชื่อเสียงที่ทำคุณประโยชน์แก่อเมริกาหลายท่าน อาทิ รองประธานาธิบดี Walter Mondale , นายกเทศมนตรีของเมือง St.Paul ทั้งนี้แพทย์ที่ได้รับเลือกในสมัยที่ผ่านมา ค่อนข้างมีอายุและเป็นอเมริกันทุกคน ผมจึงเป็นหมอต่างชาติคนแรกและมีอายุน้อยที่สุดที่มีโอกาสขึ้นไปรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ครั้งนั้นคนที่ได้รับรางวัลคู่กับผมชื่อ John Nassaff เป็นชาวอเมริกันที่ใจบุญ ได้มอบค่าใช้จ่าย และขอให้ผมช่วยสร้างโรงพยาบาลหัวใจโดยเฉพาะแห่งใหม่ขึ้น ชื่อ John Nasseff Heart Hospital ในรัฐมินิโซต้า John ได้ให้ชื่อห้องผ่าตัดห้องหนึ่งโดยใช้ last name ของผม เป็นเกียรติประวัติแก่ผมและครอบครัวตลอดไป นอกจากนั้น นายแพทย์กิติพันธ์เป็นแพทย์ไทยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วไปในอเมริกา โดยได้รับรางวัล One of the Best Doctors in USA และได้รับการ vote จากคนไข้ พยาบาล และแพทย์ให้เป็น Top Doctors in the Minnesota ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี นายแพทย์กิติพันธ์ ยังได้รับเกียรติให้เป็นประธานและสมาชิกภาพในองค์กรเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมวงการการผ่าตัดหัวใจในระดับสากลหลายสถาบัน อาทิ American Association for Thoracic Surgery European Association for Cardio-Thoracic Surgery International Society for Minimally Invasive Cardiac Surgery Society of Thoracic Surgeons (Council on Quality Assurance & Patient Advocacy-National Databases) Southern Thoracic Surgical Association (Chairman of Nominating Committee) ปัจจุบัน คุณหมอได้กลับมาให้การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจในเมืองไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อปี 2542 ผมได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งในศัลยแพทย์หัวใจที่ร่วมผ่าตัดผู้ป่วยผู้ยากไร้ ในโครงการผ่าตัดโรคหัวใจเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ซึ่งจัดขึ้นโดยโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งเมื่อกลับมาในครั้ง นั้นเป็นโอกาสให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมนึกอยู่เสมอว่า ผมเป็นคนไทย เมื่อได้ความรู้มาก็ต้องการกลับมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และทำให้ผมได้เห็นว่าขณะนี้เมืองไทยก็ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อผมได้รับการชวนจากอาจารย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถให้มาทำงานกับท่านที่เมืองไทย ผมจึงตอบตกลงและนำเอาความรู้ที่ผมได้รับมา มาช่วยทำในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ให้ดีที่สุดครับ ปัจจุบันคุณหมอดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์หัวใจกรุงเทพ และเป็นศัลยแพทย์ให้การผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ผมได้นำวิทยาการใหม่ของการผ่าตัดหัวใจ 3 วิธี มารวมกันเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจของศูนย์หัวใจกรุงเทพ ได้แก่ การผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องปอด และหัวใจเทียม (Off - Pump Surgery) การผ่าตัดวิธีนี้หัวใจของผู้ป่วยจะไม่หยุดเต้นระหว่างการผ่าตัด และทำให้ไม่เกิดผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นต่อปอด ไต ตับ และการแข็งตัวของเลือดจากการใช้เครื่องปอด และหัวใจเทียม (On - Pump Surgery) ส่วนวิธีที่สอง คือ การผ่าตัดโดยใช้เส้นเลือดแดงแทนการใช้เส้นเลือดดำในการทำทางเบี่ยงหัวใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น และไม่มีแผลเป็นที่ขา ส่วนวิธีสุดท้าย คือ การผ่าตัดหัวใจที่ให้แผลเล็กลง และสวยงามขึ้น ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อได้รับการกระเทือนน้อยลง ช่วยลดความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วย นอกจากนั้นด้วยการผ่าตัดทั้ง 3 วิธีนี้ ยังช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ใช้ระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นลง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปดำเนินชีวิต ประกอบกิจวัตรประจำวัน หรือทำงานตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และที่ผ่านมาเราได้รับผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจจากการให้การรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีดังกล่าว ผมผินดีที่จะถ่ายทอดวิทยาการการรักษาดังกล่าวแก่ศัลยแพทย์หัวใจทุกท่าน เพื่อจะได้นำเอาวิธีการนี้ไปใช้อย่างกว้างขวาง ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วยดรคหัวใจให้มากยิ่นขึ้นต่อไปครับ--จบ-- -สส-

ข่าวกิติพันธ์ วิสุทธารมณ์+โรงพยาบาลกรุงเทพวันนี้

โรงพยาบาลกรุงเทพฉลองครบ 38 ปี เน้นความเป็นผู้นำด้านวิทยาการทางการแพทย์และเทคโนโลยี

โรงพยาบาลกรุงเทพเผยนโยบายปี 2553 เน้นย้ำการพัฒนาประสิทธิภาพในการรักษาระดับสากลและพร้อมลงทุนเพิ่มเพื่อเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีการแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพจัดงานแถลงข่าวในโอกาสครบ 38 ปีของการดำเนินการ ณ อาคารเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลกรุงเทพ ทีมแพทย์ผู้แถลงข่าวนำโดย นายแพทย์ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ นายแพทย์กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ นายแพทย์ทายาท บูรณกาล ผู้อำนวยการสถาบันโรคกระดูกสันหลังกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ และ

ศุภาลัย จัดงานสัมมนา “หัวใจยิ้มได้" / ”ฮวงจุ้ย รับโชค ปี 53

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) จะมีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ มีรายละเอียดดังนี้ 1. งานสัมมนา “หัวใจยิ้มได้ จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 07.00-12.00 น. ในหัวข้อดังต่อไปนี้ -"โรคหัวใจ และเทคโนโลยีก้าวล้ำ...

ศุภาลัย จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ความรู้สู่ประชาชน ฟรี! ณ อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถ.พระราม 3

กิจกรรมเดือนกุมภาพันธ์ มีดังนี้ วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 7.00-12.00 น. สัมมนา “หัวใจยิ้มได้” นำทีมโดย ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ และทีมแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ...

ภาพข่าว: เฉลิมพระเกียรติในหลวง

ดร.นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ พร้อมทีมแพทย์และพยาบาล ร่วมกับ บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จัดแสดงเค้กเฉลิมพระเกียรติในหลวง เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ...

โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดทำหนังสือ “หนังสือด้วยรักษ์จากหัวใจ ของขวัญปีใหม่สำหรับผู้ที่คุณรักและห่วงใย”

ข่าวดีของผู้ที่รักและห่วงใยสุขภาพหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ขอมอบสิ่งที่ดีให้กับทุกท่าน ด้วย “หนังสือด้วยรักษ์จากหัวใจ” เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ แทนความรักและความใส่ใจแด่คนที่คุณรัก จัดทำโดย ดร...

ภาพข่าว: เปิดตัวเครื่อง 256-Slice

ดร.น.พ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan นวัตกรรมตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเครื่องแรกในประเทศไทย ที่ถูกพัฒนาจากเครื่อง 64-slice CT scan พร้อมทีมแพทย์ผู้...

โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดสัมภาษณ์ ดร. นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ในเรื่องของเทคโนโลยี และนวัตกรรม 256 slice CT scan

เนื่องด้วยโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ได้นำ “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256 slice CT scan” ที่พัฒนามาจาก 64-slice CT scan นวัตกรรมล่าสุดของ 256...

โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด 256-slice CT scan

โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ได้นำ “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256 slice CT scan” นวัตกรรมล่าสุด 256 slice CT scan ในการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เครื่องแรกในประเทศไทย และเครื่องแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...

พบช่องทางใหม่ในการรักษาโรคหัวใจ/ มอร์นิ่ง ทอล์ค

ช่องทางใหม่ในการรักษาโรคหัวใจ ดร. วาเลอรี่ แมคเค็นซี่ (ซ้าย) เจ้าของและพิธีกรนำรายการ “มอร์นิ่ง ทอล์ค” จะพูดคุยกับ ดร. นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ (ขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ เกี่ยวกับ...

ภาพข่าว: โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพนำทีมผู้เชี่ยวชาญอบรมการผ่าตัดหัวใจด้วยหุ่นยนต์

ดร. นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ และ นพ. สุจิตร์ บัญญัติปิยพจน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก ร่วมกับทีมงานผ่าตัดหัวใจเข้ารับการฝึกอบรมเทคโนโลยีการผ่าตัดหัว...