แถลงข่าว บสท. ประกาศความสำเร็จปรับโครงสร้างหนี้ไทยเคนเปเปอร์

กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--บสท. บสท. ประกาศความสำเร็จปรับโครงสร้างหนี้ไทยเคนเปเปอร์ “สถิตย์” แจงหลักการสามข้อของ บสท. ในการฟื้นฟูธุรกิจลูกหนี้ ต้องมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และมีระบบ ธรรมาภิบาลที่ดี มั่นใจไม่เกิดปัญหาหนี้ย้อนกลับ ย้ำชัดตอนนี้สถาบันการเงินหลายแห่งต่างสนใจใส่เม็ดเงินเข้ามาในบริษัท และอีกหลายแห่งขอมีส่วนร่วมในการรีไฟแนนซ์ ผู้ลงทุนต่างชาติมั่นใจเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ที่เบ็ดเสร็จ มีคุณภาพ และโปร่งใส นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า จากการที่ บสท.ได้ประกาศแนวนโยบายในการประสานความร่วมมือระหว่าง บสท. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจของลูกหนี้ให้ดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมตลาดเงิน และตลาดทุน อันจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ บสท. โดยคณะกรรมการบริหาร จึงได้อนุมัติหลักการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) “การพิจารณารับหลักการการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นไปตามหลักการ และเจตนารมณ์ของ บสท.ในการฟื้นฟูธุรกิจของกิจการ กล่าวคือ บริษัทนั้นต้องมี โครงสร้างทุน และโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นประการแรก ประการที่สองคือต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และประการที่สามคือมีระบบธรรมาภิบาล (Good Governance) ที่ดี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการปรับโครงสร้าง ดังกล่าวมีคุณภาพ และไม่เป็น NPL ย้อนกลับในอนาคต ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด ได้รับความชื่นชมอย่างมากจากผู้ลงทุนต่างประเทศในเรื่องของความโปร่งใส และได้รับความร่วมมือด้วยดีจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ” นายสถิตย์กล่าว นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหาร บสท.ได้อนุมัติหลักการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายกระดาษคราฟท์สำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องลูกฟูกจำหน่ายทั้งใน และ ต่างประเทศ และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัท ฯ จะเพิ่มทุน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม และนักลงทุนใหม่ เพื่อให้บริษัท ฯ มีโครงสร้างทุนและการเงินที่แข็งแรง เอื้อต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯต่อไป นายสมเจตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัท ฯ มีโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์สองแห่ง คือที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี และที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีกำลังการผลิตรวม 275,000 ตันต่อปี โดยโรงงานที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ผลิตเฉพาะกระดาษคราฟท์สำหรับทำไส้กล่องลูกฟูก โดย มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี ส่วนโรงงานที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นโรงงานที่มีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดเท่าที่มีในปัจจุบัน และเป็นโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์สี่ชั้น แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ทำการผลิตกระดาษคราฟท์ทำผิวกล่องสีขาว และสีน้ำตาลประเภทต่างๆ รวมถึงกระดาษคราฟท์ทำไส้กล่องลูกฟูกและมีกำลังการผลิต 175,000 ตันต่อปี สำหรับผลประกอบการของบริษัท ฯ ณ สิ้นปี 2544 นั้นมียอดขายภายในประเทศ 125,000 ตัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 11 และมีการจ้างงาน 500 คน ปัจจุบันบริษัท ฯ มี บจ. เอเชีย แปซิฟิค โกรท ฟันด์ 2 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นายประเสริฐ เอื้อกมลสุโข ผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างกิจการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยถึงรายละเอียดของการปรับโครงสร้างหนี้บริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ว่าได้มีการ ตกลงในหลักการในอันที่จะเพิ่มทุนอีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมา ชำระคืนเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันในอัตราร้อยละ 50 ของเงินต้นโดยเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันยินยอมยกเว้น ดอกเบี้ยค้างชำระทั้งจำนวน และเงินต้นอีกร้อยละ 50 เพื่อแลกกับใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 10 ล้านหน่วย ซึ่งกำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิ 3 ปี และสามารถใช้สิทธิได้ทุกระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้หากบริษัท ฯ มีผลการ ดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจะได้รับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากราคา Warrant ที่จะเพิ่มขึ้น ในอนาคตตามไปด้วย สำหรับเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันจะได้รับชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยค้างชำระ 3 เดือนเต็มตามจำนวน โดยยินยอมยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระเกิน 3 เดือนให้ อีกทั้งขยายระยะเวลาการชำระเงินต้นส่วนที่ค้างชำระหลังจาก การเพิ่มทุนออกไป 8 ปี โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR –1% สำหรับระยะเวลา 3 ปีแรก และในอัตรา MLR สำหรับระยะเวลาหลังจากนั้น “ นับเป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้มีสถาบันการเงินหลายแห่งสนใจที่จะใส่เม็ดเงินเข้ามาในบริษัท ฯ และมีสถาบัน การเงินที่ติดต่อแสดงความจำนงที่จะ Re-Finance ให้ ซึ่ง บสท. อยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด ผมว่ากรณีของไทยเคนเปเปอร์ถือเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของ บสท. ตลาดหลักทรัพย์ ฯ และเจ้าของธุรกิจ เนื่องจาก เป็นกรณีที่เห็นได้ชัดว่ามีการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จ กล่าวคือมีการเพิ่มทุน มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามา ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” นายประเสริฐกล่าว--จบ-- -ศน-

• ข่าวสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์
• ข่าวสถาบันการเงิน
• ข่าวไทยเคนเปเปอร์
• ข่าวสถิตย์ ลิ่ม
• ข่าวธรรมาภิบาล